Language
 - 
Afrikaans
 - 
af
Albanian
 - 
sq
Amharic
 - 
am
Arabic
 - 
ar
Armenian
 - 
hy
Azerbaijani
 - 
az
Basque
 - 
eu
Belarusian
 - 
be
Bengali
 - 
bn
Bosnian
 - 
bs
Bulgarian
 - 
bg
Catalan
 - 
ca
Cebuano
 - 
ceb
Chichewa
 - 
ny
Chinese (Simplified)
 - 
zh-CN
Chinese (Traditional)
 - 
zh-TW
Corsican
 - 
co
Croatian
 - 
hr
Czech
 - 
cs
Danish
 - 
da
Dutch
 - 
nl
English
 - 
en
Esperanto
 - 
eo
Estonian
 - 
et
Filipino
 - 
tl
Finnish
 - 
fi
French
 - 
fr
Frisian
 - 
fy
Galician
 - 
gl
Georgian
 - 
ka
German
 - 
de
Greek
 - 
el
Gujarati
 - 
gu
Haitian Creole
 - 
ht
Hausa
 - 
ha
Hawaiian
 - 
haw
Hebrew
 - 
iw
Hindi
 - 
hi
Hmong
 - 
hmn
Hungarian
 - 
hu
Icelandic
 - 
is
Igbo
 - 
ig
Indonesian
 - 
id
Irish
 - 
ga
Italian
 - 
it
Japanese
 - 
ja
Javanese
 - 
jw
Kannada
 - 
kn
Kazakh
 - 
kk
Khmer
 - 
km
Korean
 - 
ko
Kurdish (Kurmanji)
 - 
ku
Kyrgyz
 - 
ky
Lao
 - 
lo
Latin
 - 
la
Latvian
 - 
lv
Lithuanian
 - 
lt
Luxembourgish
 - 
lb
Macedonian
 - 
mk
Malagasy
 - 
mg
Malay
 - 
ms
Malayalam
 - 
ml
Maltese
 - 
mt
Maori
 - 
mi
Marathi
 - 
mr
Mongolian
 - 
mn
Myanmar (Burmese)
 - 
my
Nepali
 - 
ne
Norwegian
 - 
no
Pashto
 - 
ps
Persian
 - 
fa
Polish
 - 
pl
Portuguese
 - 
pt
Punjabi
 - 
pa
Romanian
 - 
ro
Russian
 - 
ru
Samoan
 - 
sm
Scots Gaelic
 - 
gd
Serbian
 - 
sr
Sesotho
 - 
st
Shona
 - 
sn
Sindhi
 - 
sd
Sinhala
 - 
si
Slovak
 - 
sk
Slovenian
 - 
sl
Somali
 - 
so
Spanish
 - 
es
Sundanese
 - 
su
Swahili
 - 
sw
Swedish
 - 
sv
Tajik
 - 
tg
Tamil
 - 
ta
Telugu
 - 
te
Thai
 - 
th
Turkish
 - 
tr
Ukrainian
 - 
uk
Urdu
 - 
ur
Uzbek
 - 
uz
Vietnamese
 - 
vi
Welsh
 - 
cy
Xhosa
 - 
xh
Yiddish
 - 
yi
Yoruba
 - 
yo
Zulu
 - 
zu

ฮั่นเจ็งลี้ (漢鐘離) เซียนแห่งโชคลาภ การบริการ การปกครอง

โซนที่ ๙ มหายาน

ฮั่นเจ็งลี้ (漢鐘離) เซียนแห่งโชคลาภ การบริการ การปกครอง

๒๘

ฮั่นเจ็งลี้ (漢鐘離) เซียนแห่งโชคลาภ การบริการ การปกครอง

ฮั่นเจ็งลี้

( 漢鐘離 )

ฮั่นเจ็งลี้ (漢鐘離) เซียนแห่งโชคลาภ การบริการ การปกครอง

 

ฮั่นเจ็งลี้ เซียนแห่งโชคลาภ กล่าวกันว่า ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ตามจันทรคติจีน เป็นคนยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ระหว่าง พ.ศ. ๓๔๑ - ๕๓๕ ตอนที่ท่านถือกำเนิดปรากฏแสงสว่างจ้าขึ้นภายในบ้าน ลักษณะรูปร่างใหญ่ อ้วน หน้าผากกว้าง ขนคิ้วดกยาว จมูกใหญ่ ครบเจ็ดวันจึงร้องไห้ เมื่อเจริญวัยขึ้นเป็นคนเฉลียวฉลาดมีความจำแม่นยำ ชอบเรียนวิชาการต่อสู้ฝึกเพลงอาวุธได้คล่องแคล่วว่องไวหรือฝ่ายบู๊ เรียนวิชาตำราพิชัยสงครามได้อย่างลึกซึ้ง ได้เข้ารับราชการทหารที่เมืองฉางอาน

 

ถึงรัชสมัยฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี๋ (หลิงเฉอ) ครองราชย์ พ.ศ. ๔๐๓- ๔๕๖ แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ทรงปราบปรามชนเผ่าซวงหนูที่ชอบยกกองทัพมาตีเมืองหน้าด่านทางเหนือเป็นประจำ จึงทรงขับไล่ชนเผ่านี้โดยยกทัพไปถึงสามครั้งไล่ต้อนให้ถอยรุ่นขึ้นไปถึงตอนเหนือของมองโกเลีย ทำให้ชาวจีนฮั่นปลอดภัยจากการถูกรุกรานของพวกชนเผ่าซวงหนูเป็นเวลานาน การจัดกองทัพครั้งนั้น ฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้โปรดๆ ให้ ฮั่นเจ็งลี้เป็นแม่ทัพ เขาจึงจัดเตรียมกองทัพแล้วยกออกจากเมืองหลวงฉางอานถึงเมืองกิโจวชายแดนชนกับกองทัพของชนเผ่าชวงหนู เกิดปะทะกันสองครั้งพวกทหารรี้พลล้มตายลงเป็นจำนวนมากทั้งสองฝ่าย แต่ฮั่นเจ็งลี้เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะทั้งสองครั้ง

ฝ่ายลี้ทิก้วยขี่เมฆผ่านมาทางนั้นได้กลิ่นซากศพลอยฟุ้งขึ้นไปบนอากาศ จึงมองลงไปในสนามรบเห็นแม่ทัพราชวงศ์ฮั่นกำลังขับไพร่พลเข้าฆ่าฟันพวกทหารเผ่าซวงหนูตายเกลื่อน จึงรำลึกถึงคำสอนของไท้เสียงเหล่ากุงอาจารย์ใหญ่ว่า ศพเป็นหมื่นที่ทับถมกองกันอยู่ที่เมืองกิโจวนั้น เป็นด้วยเซียนบรรณารักษ์ห้องสมุดแห่งสวรรค์ ได้กระทำความผิดจึงถูกลงโทษให้ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ชื่อ ฮั่นเจ็งลี้ เป็นแม่ทัพฮั่นกำลังสู้รบกันอยู่ เจ็งลี้มีความผิดเล็กน้อยไม่ถึงกับต้องเวียนว่ายตายเกิด ก็คงจะมีเซียนองค์ใดองค์หนึ่งมาช่วยให้พ้นเวรกรรมเป็นเซียน จะได้กลับไปเป็นบรรณารักษ์เพื่อดูแลห้องสมุดบนสวรรค์ตามเดิม ลี้ทิก้วย รำพึงว่า “แม่ทัพนั้นเป็นของคนอื่นต่างหาก เจ็งลี้ไม่ใช่คนสามัญ ไม่ควรลุ่มหลงมัวเมาอยู่ในลาภยศ เที่ยวรบราฆ่าฟันก่อเวรสร้างกรรมดุจดินพอกหางหมู เจ็งลี้จะได้เป็นเซียนในชาตินี้ ถ้าเราไม่ช่วยก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกช้านานจึงจะพ้นเป็นเซียน” เมื่อคิดดังนั้นแล้วจึงแปลงลงมาเป็นตนแก่ข้างกองทัพซวงหนู จึงแจ้งทหารขอเข้าพบนายพลปุดฮู้แล้วช่วงวางแผนการเอาชนะนายพลเจ็งลี้ให้จงได้ โดยแนะนำให้เข้าปล้นค่ายในขณะที่กองทัพของนายพลเจ็งลี้กำลังสนุกรื่นเริงกับการกินเลี้ยงที่ได้รับชัยชนะถึงสองครั้ง เมื่อได้เวลาจึงยกพลเข้าปล้นค่ายตีกองทัพเจ็งลี้แตกกระจายไปเพราะความประมาท ตัวเจ็งลี้เองต้องหนีระหกระเหินเข้าป่าเข้าดงข้ามภูเขาไปเพียงคนเดียว พบอาจารย์ไต้ซือ ชื่อ ตงฮั้วจิ้นหยิน ท่านพาเข้าไปในบ้านพักเลี้ยงอาหารแล้วกล่าวว่า “ลาภยศทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ไม่เที่ยงง ดุจเมฆเลื่อนลอยไปมา การสงครามร้ายแรงมีแต่รบราฆ่าฟันก่อกรรมสร้างเวรไม่รู้จักจบสิ้น ขอท่านจงคิดดู ตั้งแต่โบราณมาจนบัดนี้บ้านเมืองก็ไม่ใช่ของกษัตริย์พระองค์ดพระองค์หนึ่ง ลาภยศก็ไม่ใช่ของบุคคลสกุลเดียว ในไม่ช้าก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นของคนอื่น ไม่ต่างอะไรกับการนอนหลับฝันไปตื่นหนึ่ง” ทำให้เจ็งลี้ได้คิดใคร่ครวญตามคำพูดของไต้ซือว่าเป็นจริงทุกอย่าง ไม่ควรที่เราจะคิดหมกมุ่นลุ่มหลงอยู่ต่อไป

 

ครั้นรุ่งเช้าเจ็งลี้จึงขอเป็นศิษย์รับคำสั่งสอนจากไต้ซือ บำเพ็ญเพียรเรียนเวทมนตร์ พร้อมรับของวิเศษชิ้นหนึ่งคือมีดกั้นหยั่น แล้วกราบลาอาจารย์เดินทางไปยังเมืองฮันตงที่บ้านตน เมื่อกลับเข้าไปถึงบ้านปรากฎว่าทุกคนแต่งกายไว้ทุกข์เพราะทราบข่าวว่าตนได้ตายในการสงครามครั้งนี้แล้ว เจ็ง

ลี้คิดว่า ตนแพ้สงครามหลบหนีกองทัพในฐานะที่เป็นแม่ทัพต้องถูกประหารชีวิตสถานเดียวตามกฎอัยการศึก จึงให้ครอบครัวปิดเป็นความลับแล้วปรึกษากับพี่ชายจงหลี่ก้วง เพื่อออกธุดงค์บำเพ็ญพรต พี่ชายก็เห็นด้วยต่างลาครอบครัวเป็นนักบวช ไต้ซือแล้วออกเดินทางเข้าป่าแสวงหาความวิเวก เมื่อเดินทางไปถึงตำบลหนึ่งได้ช่วยเหลือชาวบ้านด้วยการปราบเสือกินคนด้วยมีดกั้นหยั่นกายสิทธิ์เล่มนั้น เมื่อเดินทางถึงป่ายอดเขาแห่งหนึ่งพิจารณาเห็นภูมิฐานเหมาะที่จะตั้งสำนักบำเพ็ญพรต จึงได้ก่อสร้างอาคารโรงเจขึ้น เมื่อจงหลี่ก้วงออกเดินทางเข้าไปในตำบลบ้านเห็นผู้คนยากจนแสนเข็ญ จึงปรึกษากับฮั่นเจ็งลี้ให้ความช่วยเหลือ อั้นเจ็งลี้จึงใช้มนต์เสกเป็นทองเอาไปช่วยคนยากจน

 

วันหนึ่งในขณะที่ทั้งสองพี่น้องนั่งสมาธิเข้าฌาน ก็ได้ยินเสียงดนตรีอันไพเราะล่องลอยมาจากสวรรค์ แล้วปรากฏเป็นเขียนลี้ทิก้วยเข้ามาทักทาย ต่างคารวะกันแล้วลี้ทิก้วยกล่าวว่า ไท่เสียงเหล่ากุงเจ้าสำนักเซียนให้มารับไปเข้าเฝ้าทั้งสองจึงขี่เมฆไปถึงเขาหัวซาน เข้าเฝ้าไท่เสียงเหล่ากุงและได้รับแต่งตั้งให้เป็นเขียน ฮั่นเจ็งหลีเป็นองค์ที่ 2 ในคณะแปดเซียน ได้รับฉายาว่า หยุนฝาง ท่านได้รับคำสั่งจากองค์อวี้หวงชั่งตี้หรือเง็กเซียนฮ่องเต้เพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นเทพเจ้าฝ่ายข้ายของหอสวรรค์อันสูงสุด ต่อมาเมื่อฮั่นเจ็งลี้เข้าฌานเห็นว่าจงหลีก้วงมีญาณตะบะชั้นสูงถึงขั้นเขียนแล้วจึงขี่เมฆมารับไปอยู่ยังสำนักเดียวกัน กล่าวกันว่าในช่วงที่ฮั่นเจ็งลี้สอนลัทธิเต๋า ท่านมักจะมัดมวยผมเป็นสองปอยถือพัดขนนกอันใหญ่ นั่งพุงพลุ้ย เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นผู้วิเศษที่มีความอิสระ น่าเคารพนับถือ เป็นเซียนแห่งโชคลาภ การบริหารกิจการและการปกครอง

โอวาท องค์ฮั่นเจ็งลี้ : กรรมและบุญเป็นของคู่กัน ทุกคนต่างมีกรรมเป็นของตัวเอง ใครยังสุขภาพแข็งแรงก็นับว่าโชคดีอยู่ หากวันนี้ใครเจ็บออดๆ แอดๆ ทุกวัน ควรหมั่นสร้างแต่กรรมดี ทำดี เรื่องบุญเรื่องกรรมเป็นเรื่องที่มองไม่เห็น แต่พึงรู้ไว้ว่า ชีวิตนี้ชาตินี้กุศลสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง ประเสริฐได้ด้วยน้ำมือเราเอง...

 

คัดย่อข้อมูลจาก : หนังสือพิธีสถาปนาครบรอบ ๖๐ ปี มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน

Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
post