พระสิทธัตถพุทธเจ้า

สิทธัตถพุทธวงศ์ที่ 16

ว่าด้วยพระประวัติพระสิทธัตถพุทธเจ้า

สมัยต่อมาจากพระธรรมทัสสีพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ ทรงกำจัดความมืดทั้งปวง เหมือนพระอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น แม้พระองค์ทรงบรรลุสัมโพธิญาณแล้ว ก็ทรงช่วยหมู่มนุษย์ พร้อมด้วยเทวดาให้ข้ามพ้นวัฏฏสงสาร ทรงยังฝนคือธรรมให้ตก ดับความร้อนให้แก่โลกพร้อมด้วยเทวโลก แม้พระองค์ผู้มีเดชไม่มีเทียบเคียงก็ตรัสพระธรรมเทศนาให้สัตว์ได้ตรัสรู้ธรรม 3 ครั้ง ธรรมาภิสมัย ครั้งที่ 1 ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ ในคราวเมื่อพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงตีกลองอมฤตเภรีที่ภีมรัฐ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์เก้าสิบโกฏิ ในคราวเมื่อพระพุทธเจ้าผู้อุดมกว่านรชนพระองค์นั้นทรงแสดงธรรมที่เวภารบรรพต ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่สัตว์เก้าสิบโกฏิ พระสิทธัตถบรมศาสดาทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ 3 ครั้ง สถานที่ ที่พระภิกษุผู้ปราศจากมลทิน มาประชุมกัน 3 แห่ง แห่งที่ 1 พระภิกษุร้อยโกฏิ แห่งที่ 2 เก้าสิบโกฏิ และแห่งที่ 3 แปดสิบโกฏิ

สมัยนั้น เราเป็นดาบสชื่อว่ามงคล มีเดชอันรุ่งเรืองยากที่ผู้อื่นจะข่มได้ประกอบด้วยกำลังแห่งอภิญญา เราได้นำเอาผลหว้ามาถวายแด่พระสิทธัตถสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงรับแล้ว ได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่าจงดูชฎิลดาบสผู้มีตบะรุ่งเรืองนี้ ในกัปที่ 94 แก่กัปนี้ ดาบสนี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก .... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น

เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ก็ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี 10 ประการยิ่งขึ้น พระนครชื่อว่าเวภาระ พระบรมกษัตริย์พระนามว่าอุเทน เป็นพระชนกของพระสิทธัตถบรมศาสดา พระนางสุผัสสา เป็นพระชนนีพระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หมื่นปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อโกกาสะ อุปละ และโกกนุทะ ทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสี่หมื่นแปดพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงามพระมเหสีพระนามว่าสุมนา พระราชโอรสพระนามว่าอนูปมะ พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยวอทองทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 10 เดือนเต็ม พระสิทธัตถมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายกของโลก อุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักรที่มฤคทายวัน ทรงมีพระสัมพลเถระและพระสุมิตตเถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าเรวตะ เป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระสีวลาเถรีและพระสุรามาเถรี เป็นพระอัครสาวิกาไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกชื่อว่ากรรณิการ์ สุปปิยอุบาสกและสัมพุทธอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก รัมมาอุบาสิกาและสุรัมมาอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น สูง 60 ศอก พระองค์งามเปล่งปลั่งดั่งทองคำล้ำค่า รุ่งเรืองไปในหมื่นโลกธาตุ

พระพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุ ทรงพระคุณไม่มีผู้เสมอเหมือน ไม่มีบุคคลเปรียบเทียบถึง ทรงดำรงอยู่ในโลกแสนปี พระองค์ทรงแสดงพระรัศมีอันไพบูลย์ ทรงยังพระสาวกทั้งหลายให้บานสะพรั่งทรงเยื้องกรายงดงามด้วยสมาบัติอันประเสริฐ แล้วเสด็จนิพพาน พร้อมด้วยพระสาวก พระสิทธัตถพุทธเจ้าผู้เป็นมุนีประเสริฐเสด็จนิพพาน ณ อโนมาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์ สูง 4 โยชน์ ประดิษฐานอยู่ที่อโนมาราม ฉะนี้แล.

จบสิทธัตถพุทธวงศ์ที่ 16

ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)

ฉายา : ผู้หาบุคคลใดเสมอมิได้ในโลก
ความสูง : 60 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปในหมื่นโลกธาตุ
บำเพ็ญบารมี : บำเพ็ญบารมีครบถ้วน
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าอุเทน
พุทธมารดา : พระนางสุผัสสาเทวี
พระนคร : เวภาระ
ใช้ชีวิตฆราวาส : 10,000 ปี
มเหสี : สุมนา
บุตร : อนูปมะ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ประทับวอทองออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 10 เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นกรรณิการ์
อายุขัย : 100,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ อโนมาราม