Language
 - 
Afrikaans
 - 
af
Albanian
 - 
sq
Amharic
 - 
am
Arabic
 - 
ar
Armenian
 - 
hy
Azerbaijani
 - 
az
Basque
 - 
eu
Belarusian
 - 
be
Bengali
 - 
bn
Bosnian
 - 
bs
Bulgarian
 - 
bg
Catalan
 - 
ca
Cebuano
 - 
ceb
Chichewa
 - 
ny
Chinese (Simplified)
 - 
zh-CN
Chinese (Traditional)
 - 
zh-TW
Corsican
 - 
co
Croatian
 - 
hr
Czech
 - 
cs
Danish
 - 
da
Dutch
 - 
nl
English
 - 
en
Esperanto
 - 
eo
Estonian
 - 
et
Filipino
 - 
tl
Finnish
 - 
fi
French
 - 
fr
Frisian
 - 
fy
Galician
 - 
gl
Georgian
 - 
ka
German
 - 
de
Greek
 - 
el
Gujarati
 - 
gu
Haitian Creole
 - 
ht
Hausa
 - 
ha
Hawaiian
 - 
haw
Hebrew
 - 
iw
Hindi
 - 
hi
Hmong
 - 
hmn
Hungarian
 - 
hu
Icelandic
 - 
is
Igbo
 - 
ig
Indonesian
 - 
id
Irish
 - 
ga
Italian
 - 
it
Japanese
 - 
ja
Javanese
 - 
jw
Kannada
 - 
kn
Kazakh
 - 
kk
Khmer
 - 
km
Korean
 - 
ko
Kurdish (Kurmanji)
 - 
ku
Kyrgyz
 - 
ky
Lao
 - 
lo
Latin
 - 
la
Latvian
 - 
lv
Lithuanian
 - 
lt
Luxembourgish
 - 
lb
Macedonian
 - 
mk
Malagasy
 - 
mg
Malay
 - 
ms
Malayalam
 - 
ml
Maltese
 - 
mt
Maori
 - 
mi
Marathi
 - 
mr
Mongolian
 - 
mn
Myanmar (Burmese)
 - 
my
Nepali
 - 
ne
Norwegian
 - 
no
Pashto
 - 
ps
Persian
 - 
fa
Polish
 - 
pl
Portuguese
 - 
pt
Punjabi
 - 
pa
Romanian
 - 
ro
Russian
 - 
ru
Samoan
 - 
sm
Scots Gaelic
 - 
gd
Serbian
 - 
sr
Sesotho
 - 
st
Shona
 - 
sn
Sindhi
 - 
sd
Sinhala
 - 
si
Slovak
 - 
sk
Slovenian
 - 
sl
Somali
 - 
so
Spanish
 - 
es
Sundanese
 - 
su
Swahili
 - 
sw
Swedish
 - 
sv
Tajik
 - 
tg
Tamil
 - 
ta
Telugu
 - 
te
Thai
 - 
th
Turkish
 - 
tr
Ukrainian
 - 
uk
Urdu
 - 
ur
Uzbek
 - 
uz
Vietnamese
 - 
vi
Welsh
 - 
cy
Xhosa
 - 
xh
Yiddish
 - 
yi
Yoruba
 - 
yo
Zulu
 - 
zu
๔๑

พระมหาโมคคัลลานเถระ

ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระโมคคัลลานเถระ มาบังเกิดเป็นบุตรพราหมณ์ ผู้เป็นนายบ้าน ชื่อว่า โกลิตะ มารดาชื่อว่านางโมคคัลลี เดิมท่านชื่อว่า โกลิตะ ตามสกุลแห่งบิดา อีกอย่างหนึ่ง เขาเรียกตามความที่เป็นบุตรนางโมคคัลลีว่า โมคคัลลานะ  ท่านเข้าบวชในพระพุทธศาสนา  ได้ดวงตาเห็นธรรม (เป็นโสดาบัน) และได้อุปสมบทในพระธรรมวินัย  7 วัน ไปทำความเพียร อยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงมคธ อ่อนใจ นั่งโงกง่วงอยู่ พระบรมศาสดาเสด็จไปที่นั้น ทรงสั่งสอนและแสดงอุบาย สำหรับระงับความง่วงมีประการต่างๆดังต่อไปนี้ 

1. โมคคัลลานะ เมื่อท่านมีสัญญาอย่างไร ความง่วงนั้นย่อมครอบงำได้ ท่านควรทำในใจถึงสัญญานั้นให้มาก
2. ท่านควรตรึกตรองพิจารณาถึงธรรมตามที่ได้ฟังแล้ว และได้เรียนแล้ว ด้วยใจของท่านเอง
3.ท่านควรสาธยายธรรมตามที่ตัวได้ฟังแล้วและได้เรียนแล้วโดยพิสดาร
4. ท่านควรยอนหูทั้งสองข้าง และลูบด้วยฝ่ามือ

5.ท่านควรลุกขึ้นยืนลูบนัยน์ตาด้วยน้ำเหลียวดูทิศทั้งหลายแหงนดูดาวนักขัตรฤกษ์
6. ท่านควรทำในใจถึงอาโลกสัญญา คือ ความสำคัญในแสงสว่าง ตั้งความสำคัญว่ากลางวันไว้ในใจ ให้เหมือนกันทั้งกลางวันและกลางคืน มีใจเปิดเผยฉะนี้ ไม่มีอะไรหุ้มห่อทำจิตอันมีแสงสว่างให้เกิด
7. ท่านควรอธิษฐานจงกรม กำหนดหมายว่า จักเดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีจิตไม่คิดไปภายนอกฯ
8. ท่านควรสำเร็จสีหไสยาสน์ คือ นอนตะแคงข้างเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ ทำความหมายในอันที่จะลุกขึ้นไว้ในใจพอท่านตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้น

    ครั้นตรัสสอน อุบายสำหรับระงับความง่วงอย่างนี้แล้ว ทรงสั่งสอน ให้สำเหนียกในใจอีกต่อไปว่า เราจักไม่ชูงวง (คือถือตัว) เข้าไปสู่ตระกูล เราจักไม่พูดคำ ซึ่งเป็นเหตุให้เถียงกัน เข้าใจผิดต่อกันและตรัสสอนให้ยินดีด้วยที่นอนที่นั่งอันเงียบสงัดและควรเป็นที่อยู่ตามสำพังสมณวิสัย เมื่อตรัสสอนอย่างนี้แล้ว พระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า โดยย่อข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วนเกษมจากโยคธรรมเป็นพรหมจารีบุคคลยิ่งกว่าผู้อื่นที่มีสุดดีกว่าผู้อื่นประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  พระศาสดาตรัสตอบว่า โมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้สดับแล้วว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรถือมั่น  เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี เธอพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วยปัญญา เป็นเครื่องหน่าย เป็นเครื่องดับ เป็นเครื่องสละคืน ในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ถือมั่นสิ่งอะไร ๆ ในโลก ไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสให้สงบ ได้ด้วยตนเอง และทราบชัดว่า ชาตินี้สิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จำจะต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะทำอย่างนี้อีกมิได้มีท่านพระโมคคัลลานะปฏิบัติตามโอวาทที่พระบรมศาสดาตรัสสั่งสอนก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันนั้น   ครั้นพระโมคคัลลานะ ได้สำเร็จพระอรหันต์แล้ว ท่านได้เป็นกำลังสำคัญของพระบรมศาสดา ในอันยังกิจที่พระบรมศาสดาทรงดำริไว้ให้สำเร็จ เพราะท่านเป็นผู้มีฤทธานุภาพมาก จึงได้รับยกย่องจากสมเด็จพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางเป็นผู้มีฤทธิ์(อิทธิมนฺตานํ)  และทรงยกย่องว่าเป็นคู่กันกับพระสารีบุตร ในอันอุปการะภิกษุ ผู้เข้ามาบวชในพระธรรมวินัยดังกล่าวแล้ว ในประวัติท่านพระสารีบุตรว่า สารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ยังบุตรให้เกิด โมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนมผู้เลี้ยงทารกที่เกิดแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำยกย่องพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกฝ่ายขวา พระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกฝ่ายซ้าย  พระธรรมเทศนาของพระโมคคัลลานะ ไม่ค่อยจะมี ที่เป็นโอวาทให้แก่ภิกษุสงฆ์ ก็มีเพียงแต่ อนุมานสูตร ซึ่งว่าด้วยธรรมอันทำให้คนเป็นผู้ว่ายากหรือว่าง่าย ท่านพระโมคคัลลานะนั้นชำนาญในการนวกรรม (การก่อสร้าง) ด้วย ดังจะเห็นได้จาก เมื่อนางวิสาขา มหาอุบาสิกา สร้างบุพพารามในกรุงสาวัตถี พระบรมศาสดารับสั่งให้ท่านเป็นนวกัมมาธิฏฐายี คือ ผู้ควบคุมการก่อสร้าง  ท่านพระโมคคัลลานะ ปรินิพพานก่อนพระบรมศาสดา ในวันดับเดือน 12 ภายหลังพระสารีบุตรปักษ์หนึ่ง (15 วัน) พระศาสดาได้เสด็จไปทำฌาปนกิจ แล้วรับสั่งให้นำอัฐิธาตุมาก่อนพระเจดีย์ บรรจุไว้ ณ ที่ใกล้ประตูแห่งเวฬุวนาราม

Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
post