ฉายา: ผู้เป็นสารถีประเสริฐ
ความสูง: ๘๘ ศอก
รัศมี: แผ่ซ่านออกไปในหมื่นโลกธาตุ
บำเพ็ญบารมี: ๔ อสงไขยแสนกัป
วรรณะ: กษัตริย์
พุทธบิดา: สุเทวะ
พุทธมารดา: อโนมาเทวี
พระนคร: ธัญญวดี
ใช้ชีวิตฆราวาส: ๙,๐๐๐ ปี
มเหสี: วิชิตเสนา
บุตร: นันทุตตระ
ยานพาหานะที่ใช้ออกบวช: ทรงเดินเท้าออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร: ๗ วัน
ต้นไม้ตรัสรู้: ที่โคนต้นมหาโสณะ (ต้นอ้อยช้างใหญ่)
อายุขัย: ๙๐,๐๐๐ ปีจึงปรินิพพาน ณ สุทัสนนคร
๑๓. พระนารทพุทธเจ้า
นารทพุทธวงศ์ที่ ๙
ว่าด้วยพระประวัติพระนารทพุทธเจ้า
สมัยต่อมาจากพระปทุมบรมศาสดา พระสัมพุทธเจ้าผู้อุดมกว่าสรรพสัตว์ มีพระนามชื่อว่านารทะ เป็นบุคคลผู้ไม่มีใครเปรียบเสมอ พระองค์เป็นพระเชษฐโอรสที่ทรงโปรดปรานของพระเจ้าจักรพรรดิ ทรงสวมใส่อาภรณ์แก้วมณี เสด็จไปยังพระราชอุทยานในพระราชอุทยานนั้น มีต้นไม้โตใหญ่แผ่กิ่งก้านสวยงาม พระองค์เสด็จถึงท่ามกลางพระราชอุทยานนั้นแล้ว ประทับนั่งภายใต้ต้นอ้อยช้างใหญ่ ณ ที่นั้น เกิดพระญาณอันประเสริฐไม่มีที่สุด เปรียบด้วยวิเชียร ทรงพิจารณาสังขารทั้งเปิดเผยทั้งปกปิดด้วยพระญาณนั้นทรงลอยกิเลสทั้งปวงโดยไม่เหลือ ณ ที่นั้น ทรงบรรลุพระโพธิญาณทั้งสิ้น และพระพุทธญาณ ๑๔ ครั้ง ครั้นทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณแล้ว ทรงประกาศธรรมจักร ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ เมื่อพระมหามุนีทรงปราบนาคราชผู้มีตัวโตเท่าเรือโกลนใหญ่ ได้ทรงปาฏิหาริย์แสดงให้เห็นในมนุษยโลกพร้อมด้วยเทวโลก ในการที่ทรงประกาศธรรมแก่เทวดาและมนุษย์ครั้งนั้น เทวดาและมนุษย์เก้าหมื่นโกฏิข้ามความสงสัยทั้งปวงได้ ในกาลเมื่อพระมหาวีรเจ้าตรัสสอนพระราชโอรสของพระองค์ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่เทวดาและมนุษย์แปดหมื่นโกฏิ พระนารทบรมศาสดาทรงมีการประชุมพระสาวก ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ พระสาวกแสนโกฏิมาประชุมกันครั้งที่ ๒ ในคราวเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธคุณพร้อมด้วยเหตุ พระสาวกผู้
ปราศจากมลทินเก้าหมื่นโกฏิมาประชุมครั้งที่ ๓ ในคราวที่เวโรจในนาคราชถวายทานแด่พระศาสดา พระสาวกชินบุตรแปดโกฏิมาประชุมกัน สมัยนั้นเราเป็นชฎิลผู้มีตบะอันรุ่งเรืองถึงที่สุดในอภิญญา ๕ เหมาะไปในอากาศได้ แม้ครั้งนั้นเราก็ถวายข้าวและน้ำให้พระศาสดาเสวยพร้อมด้วยพระสงฆ์และบริวารชนจนเพียงพอ แล้วได้บูชาด้วยไม้จันทน์ แม้พระนารทบรมศาสดานายกของโลกพระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราในครั้งนั้นว่าผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ..... ข้ามแม่น้ำใหญ่
ฉะนั้น เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว มีใจยินดีอย่างยิ่งอธิษฐานวัตรเป็นอย่างเลิศเพื่อบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการ พระนครชื่อว่าธัญญวดี พระมหากษัตริย์พระนามว่าสุเทพเป็นพระชนกของพระนารทบรมศาสดา พระนางอโนมาเป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่เก้าพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อชิตะ วิชิตะ และอภิรามะ มีพระสนมนารีกำนัลในสี่หมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าวิชิตเสนา พระราชโอรสพระนามว่านันทุตตระ พระองค์ผู้เป็นบุรุษอุดม ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวช ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วัน
พระนารทมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายกของโลก อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ ธนัญชอุทยาน อันประเสริฐ ทรงมีพระภัททสาลเถระและพระชิตมิตตเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าวาเสฏฐะ เป็นพระพุทธุปัฏฐาก พระอุตตราเถรีและพระผัคคุนีเถรี เป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกกันว่าไม้อ้อยช้างใหญ่ อุคครินทอุบาสกและวสภอุบาสก เป็นอัครอุปัฏฐาก อินทวรีอุบาสิกาและคัณฑีอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระมหามุนีมีพระองค์สูง ๘๘ ศอก มีพระรัศมีงามเช่นกับทองคำล้ำค่าสว่างไสวไปในหมื่นโลกธาตุ พระองค์มีพระรัศมีซ่านออกจากพระวรกายด้านละวา ซ่านออกไปทั่วทิศน้อยใหญ่ แผ่ไปไกลโยชน์หนึ่งทั้งกลางวันกลางคืนทุกเมื่อ สมัยนั้น ในระยะโยชน์หนึ่งโดยรอบ ใครๆ ไม่ต้องตามประทีปโคมไฟ พระพุทธรัศมีส่องให้สว่างจ้าในกาลนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุเก้าหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏฏสงสารได้มากมาย พระศาสนาของพระองค์งามวิจิตรด้วยพระอรหันต์ทั้งหลาย เปรียบเหมือนท้องฟ้าย่อมงามวิจิตรด้วยหมู่ดาว ฉะนั้น พระนราสภ พระองค์นั้นทรงสร้างสะพานไว้มั่นคง สำหรับให้คนที่เหลือดำเนินข้ามกระแสสงสารแล้วเสด็จนิพพาน แม้พระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอเหมือนพระองค์นั้น และพระขีณาสพผู้มีเดชเทียบไม่ได้เหล่านั้นก็หายไปหมดสิ้นแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระนารทชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพาน ณ สุทัสนนคร พระสถูปอันประเสริฐสูง ๔ โยชน์ก็ประดิษฐานอยู่ ณ นครนั้น ฉะนี้แล.
จบนารทพุทธวงศ์ที่ ๙
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250