(1) เกิด เเก่ เจ็บ ตายเกิด แก่ เจ็บ ตาย – รูปขันธ์ 🡪 จะต้องดูแลรักษาตลอดชีวิต (ภาระหนัก) |
|||
(2) รูปร่างกาย เป็น ทุกข์กาย | 2.1 ทุกข์กาย ทุกข์ใจ | 2.1.1 จิต ไม่รู้ว่าเป็น (อวิชชา) “ไตรลักษณ์” (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) |
|
2.1.2 จิต ไม่อยากให้รูปร่างกาย เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งฝืน กับความจริง |
2.1.2 .1 จิต เกิดความยึดมั่นถือมั่น (อุปาทาน) ในตัณหา |
||
2.1.2 .2 จิต ทำให้เกิดภพและชาติ (เกิดใหม่ในภพใหม่) |
|||
2.1.2 .3 จิต เวียนว่ายตายเกิด ในวัฎสงสาร |
|||
2.1.3 จิต เกิดความทุกข์ | |||
2.1.4 ทุกข์กายและทุกข์ใจ | |||
2.2 ทุกข์กาย สุขใจ | 2.2.1 จิต รู้ว่ารูปร่างกาย (รูปขันธ์) เป็น (วิชชา) “ไตรลักษณ์” (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เป็นกฎธรรมชาติ (ความจริง) – สิ่งใดมีเกิด ย่อมมีดับไปเป็นธรรมดา – สังขารเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง – ขันธ์ 5 เป็น “ไตรลักษณ์ |
||
2.2.2 (หลักวิปัสสนา) จิต ปล่อยวางในขันธ์ 5 (รวมรูปขันธ์หรือร่างกาย) จิต ละอุปาทาน (ละความยึดมั่นถือมั่น) |
|||
2.2.3 จิต พิจารณาขันธ์ 5 เป็นเพียงที่อาศัยชั่วคราว เมื่อขันธ์ 5 หมดสภาพ (ตาย) ก็ย้ายจิตไปเกิดใหม่ (จุติ) หรือหยุดการเกิด (นิพพาน) | |||
2.2.4 จิต เกิดความสุขใจ | |||
2.2.4 .1 ทุกข์กายแต่สุขใจ | |||
2.2.5 โลกุตรสุข | |||
2.2.6 โลกุตรภูมิ | |||
2.2.7 โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ | |||
2.2.8 หยุดวงจรการเกิด | |||
2.2.9 สิ้นสุดทุกข์ทั้งกายและใจ | |||
2.2.10 เป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ “พระนิพพาน” หยุดการเวียนว่ายตายเกิด (วัฎสงสาร) สิ้นสุดทุกข์อย่างถาวร และมีความสุขอย่างแท้จริง |
1. อวิชชา (ความไม่รู้) | ไม่รู้ว่ามีกฏธรรมชาติ (ความจริง) ไม่รู้เรื่อง “ไตรลักษณ์” ไม่รู้ว่า “สิ่งใดมีเกิด ย่อมมีความดับ” ไปเป็นธรรมดา (ธรรมชาติ) |
2.สังขาร (สิ่งปรุงแต่ง) | 2.1 สังขาร ที่ไม่มีวิญญาณ (เช่น รถ ภูเขา) |
2.2 สังขาร ที่มีวิญญาณ (เช่น คน สัตว์) สังขาร – ความคิด ชนิดดี ชนิดไม่ดี – คิดดี – คิดชั่ว – ศรัทธา – โลภะ / โทสะ / โมหะ – สติ |
|
3. วิญญาณ (การรับรู้ผ่าน อายตนะ) |
|
4. นามรูป (กายและใจ) |
4. 1 นามรูป = รูปนาม รูป = รูปธรรม (กาย) นาม = นามธรรม (ใจ) |
5. สฬายตนะ (อายตนะ) |
|
6. ผัสสะ (อายตนะภายใน + อายตนะภายนอก + วิญญาณ |
|
7.เวทนา (สุข ทุกข์ เฉยๆ) เกิดความอยาก |
|
8.ตัณหา (กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา) อยากยึดเป็นของตัวเอง (ตัวกู) |
|
9.อุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) ทำให้เกิด ที่อยู่ (ภพ) ใหม่ |
|
10.ภพ (ที่อยู่ เช่น มนุษยโลก สวรรค์ พรหม) มีการเกิด-ดับ |
|
11.ชาติ (การเกิด) เกิด แก่ ตาย |
|
12.ชรา / มรณะ | 12.1 จิตออกจากร่าง (ขันธ์ 5) เดิม ไปเกิดในร่างใหม่ (จิตเป็นอมตะ) |
12.2 เวียนว่ายตายเกิดใน | |
13.ความทุกข์ – เกิด แก่ เจ็บ ตาย 🡪 ทุกข์ – ผิดหวัง 🡪 ทุกข์ – สูญเสียสิ่งรัก 🡪 ทุกข์ |
|
14.เพราะมีอุปาทาน |
ตามหลักของปฏิจจสมุปบาท – สมุทัย แสดงกระบวนการเกิดของความทุกข์ มาจากหลายสาเหตุ เริ่มตั้งแต่อวิชชา (ความไม่รู้ว่า กิเลสทำให้เกิดทุกข์ เพราะทำให้เวียนว่ายตาย-เกิด
1. เพราะเมื่ออวิชชาเป็นปัจจัย | 1.1 ดับทุกข์ที่ต้นทางของสาเหตุ ของความทุกข์ คือ อวิชชา โดยความรู้เกี่ยวกับละกิเลสทุกชนิด |
2. ทำให้เกิดการปรุงแต่ง (สังขาร) ทางจิต – ความคิดดี 🡪เป็นสุข และ – ความคิดไม่ดี 🡪เป็นทุกข์ |
2.1 สร้างมโนภาพในจิตทั้งคิดดีและคิดไม่ดี ดับทุกข์ โดยการคิดทำแต่เรื่องดี เพื่อจิตมีความสุข ซึ่งจะส่งผลให้รูปร่างกายเป็นสุขด้วย |
3. ทำให้เกิดการรับรู้ผ่านอายตนะต่างๆ (วิญญาณ) |
|
4. อันเป็นเหตุให้ขันธ์ 5 (รูปนาม) ทำงาน รูปร่างกายและการปรุงแต่งจิต โดยมี “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ทุกภพทุกชาติ |
4.1 จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ฝึกจิตให้คิดแต่เรื่องดีๆ เพื่อนำทางให้รูปร่างกาย ทำดีตามจิต 🡪นำความสุขมาให้ / ดับทุกข์ |
5.ส่งผลทำให้อายตนะทั้งภายในและภายนอก (สฬายตนะ) ทำงานตามจิตสั่ง | |
6.รู้เท่าทันสัมผัส เกิดสัมผัส 6 (ผัสสะ) | |
7.ส่งผลให้เกิดความสุข ความทุกข์ เฉยๆ (เวทนา) | |
8.ส่งผลทำให้อยากมี (กามตัณหา) อยากเป็น (ภวตัณหา) อยากไม่มี (วิภวตัณหา) ซึ่งก็คือ กิเลสตัณหา | 8.1 ดับทุกข์ที่ใจ โดยการดับที่เหตุ คือกิเลสตัณหา 8.2 เลสตัณหาชนิดต่างๆ |
9.เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น (อุปาทาน) | ความยึดมั่นถือมั่น (อุปาทาน) อยากเป็นเจ้าของ หาทางยึดมาเป็นของตัวเอง ได้ 🡪 สุข ไม่ได้ 🡪 ทุกข์ |
10.ส่งผลทำให้ ภพ | |
11.ส่งผลทำให้มีการเกิดใหม่ (ชาติ) | |
12.ผลที่ตามมาคือ ความแก่และความตาย (ชราและมรณะ) ผิดหวัง 🡪 ทุกข์ สูญเสียของรัก 🡪 ทุกข์ ทุกข์ |
ความทุกข์ สามารถดับลงได้โดยการตัดวงจร ณ จุดใดจุดหนึ่งของวรจร (ห่วงโซ่) ปฏิจจสมุปบาท เช่น ดับตัณหา ซึ่งส่งผลทำให้วงจรอยุดทำงาน ทำให้ไม่มีการเกิด (ชาติ) ซึ่งก็คือ หยุดการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร อันเป็นการดับความทุกข์อย่างถาวร
ปฏิจจสมุปบาท – นิโรธ (กระบวนการดับทุกข์) หยุดวงจรเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสาร
1.วิชชา (ความรู้) อวิชชา ดับ เกิดวิชชา (ความรู้) |
เรื่อง (ความรู้เรื่องความจริงตามธรรมชาติ) 1) กฎธรรมชาติ (ความจริง) 2) ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) 3) สิ่งใดมีเกิด ย่อมมีความดับเป็นธรรมดา |
เกิดปัญญา รู้แจ้งแทงตลอด |
|
2.สังขาร ดับ (ทั้งมีวิญญาณ และไม่มีวิญญาณ) |
|
3.วิญญาณ ดับ | |
4.นามรูป ดับ | |
5.สฬายตนะ ดับ | |
6.ผัสสะ ดับ | |
7.เวทนา ดับ | |
8.ตัณหา ดับ | |
9.อุปาทาน ดับ | |
10.ภพ ดับ | |
11.ขาติ ดับ | |
12. ชรา มรณะ ดับ | |
ดับทุกข์
หมดสิ้นอาสวะ (กิเลส) |
|
ไม่ต้องเวียนว่ายตาย |
เปรียบเทียบจิตใจเหมือนเมล็ดข้าว
เมล็ดข้าว | จิตใจ |
การงอกของเมล็ดข้าว
1.ห่อหุ้มด้วยเปลือก 2.สามารถนำข้าวเปลือกไปปลูก |
การเกิดความทุกข์ใจ
1.ห่อหุ้มด้วยกิเลส 2.กิเลสทำให้เกิด ตัณหาและอุปาทาน |
การดับการงอกของเมล็ดข้าว 1.นำข้าวเปลือกไปสีเหลือเพียงข้าวสาร 2.ข้าวสารนำไปปลูกไม่สามารถ 3.หยุดการงอกใหม่ |
การดับทุกข์ใจ 1.ขจัดกิเลสที่ห่อหุ้มจิตใจออกให้หมด เพื่อให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ 2.ไม่เหลือกิเลสตัณหาและอุปาทาน 3.ไม่มีการเกิดอีกต่อไป 4.เป็นการดับทุกข์ถาวร |
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250