ปฏิจจสมุปบาทกับมุตโตทัย

พระพุทธเจ้าตรัสรู้กฏธรรมชาติที่สำคัญ

(พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือน ๖)

๑. กฎปฏิจจสมุปบาท สมุทยวาร

– กระบวนการเวียนว่ายตายเกิด และกระบวนเกิดความทุกข์ 

(เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี สังขารเป็นตัวปรุงแต่จิตให้หลงไปตามสมมติ เป็นสาเหตุ

ทำให้เกิดภพเกิดชาติ อันเป็นเหตุทำให้เกิดการเวียนว่ายตายเกิด)

กฎปฏิจจสมุปบาท นิโรธวาร

– กระบวนการหยุดการเวียนว่ายตายเกิด และกระบวนการดับทุกข์

(ต้องดับอวิชชาด้วยวิชชา ซึ่งใช้ “สัมมาทิฏฐิ” ดับอวิชชา จะทำให้วงจรปฏิจจสมุปบาทขาดลง

อันจะส่งผลทำให้หยุดอุปาทาน/ภพ/ชาติ สิ้นสุดทุกข์และการเวียนว่ายตายเกิด)

๒. กฎไตรลักษณ์ : อนิจจัง (ไม่เที่ยง)  ทุกขัง (เป็นทุกข์)  อนัตตา (ไม่มีตัว ไม่มีตน)

– สังขารทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นสังขารที่มีวิญญาณ (เช่น คน สัตว์) หรือสังขารที่ไม่มีวิญญาณ ล้วนเป็น

ไปตามกฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวไม่มีตน)

– สังขารปรุงแต่งจิต ทำให้จิตหลงในสิ่งสมมติ จึงยึดติดว่าเป็นตัวเรา ของเรา อันเป็นเหตุให้เกิดภพ

เกิดชาติ

– เพราะเมื่อวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมีและเป็นสาเหตุของการเวียนว่ายตายเกิด

– สังขารทั้งปวงเป็นอนิจจัง ทุกขัง และธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

ขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์ (รูปร่างกาย)  มาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และกลับไปสู่ธาตุเดิม (ดิน น้ำ

ลม ไฟ) เมื่อตาย

– จิตเป็นอมตะ (เที่ยง)

– เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ๓๑ ภูมิ (โลกียภูมิ) หากปฏิบัติธรรมถึงขึ้นโลกุตตรภูมิ ก็หยุดการ เวียนว่ายตายเกิด

สรุป

พระพุทธเจ้าสอนอะไร?

พระพุทธศาสนาสอนให้รู้จักความทุกข์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และสอนวิธีดับทุกข์ โดยหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ หรือไตรสิกขา

คำสอนที่สำคัญของพระพุทธเจ้า ปรากฎในปฐมเทศนา มัชฌิมเทศนา และปัจฉิมเทศนา สรุปเนื้อหาของคำสอนเป็นดังนี้

๑. ปฐมเทศนา : คือธัมมจักรกัปปวัตนสูตร เป็นการสอนครั้งแรกแก่พระปัญจวัคคีย์ ในวันอาสาฬหบูชา (วันเพ็ญเดือน ๘) หัวใจของคำสอนคือ

๑.๑ ละเว้นการกระทำ 2 สุดโต่ง (เป็นตัวสมุทัย)

–  ละกามสุขัลลิกา เป็นส่วนของความรัก

–  ละอัตตกิลมถา เป็นส่วนของความชัง

๑.๒ ให้ปฏิบัติตามทางสายกลาง คือ มัชฌิมาปฏิปทา หรืออริยมรรคมีองค์ ๘

๑.๓ ให้ปฏิบัติตามอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

๒. มัชฌิมเทศนา : เป็นการแสดง “โอวาทปาฏิโมกข์” ในวันมาฆบูชา (วันเพ็ญเดือน ๓) หัวใจของคำสอนคือ (ไตรสิกขา)

๒.๑ ศีล  :  ละความชั่ว

๒.๒ สมาธิ  :  ทำความดี

๒.๓ ปัญญา  :  ทำใจให้บริสุทธิ์

๓. ปัจฉิมเทศนา : เป็นการสอนครั้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปรินิพพานในวันวิสาขบูชา (วันเพ็ญเดือน ๖) คำสอนที่สำคัญคือ

๓.๑ สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ตามหลักไตรลักษณ์

๓.๒ จงอย่าประมาทในชีวิต ความตายเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ให้ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจ 

และเร่งทำความดี

ธรรมทั้ง ๓ กาล ล้วนแต่เล็งถึงวิมุตติธรรมทั้งสิ้น

8) สรุปวิธีสร้างบุญบารมี มีอะไร? (ทำบุญอะไร ได้บุญเท่าไร)

1)  การให้ทาน โลกียภูมิ : (มนุษยภูมิ / เทวภูมิ) 

2)  การรักษาศีล โลกียภูมิ : (เทวภูมิ)

3)  ภาวนา

3.1  สมาธิภาวนา / โลกียภูมิ (พรหมโลก : รูปพรหม / อรูปพรหม)

3.2  วิปัสสนาภาวนา / โลกุตตรภูมิ (โสดาบัน / สกิทาคามี/ อนาคามี / อรหันต์)

9) ตายแล้วไปเกิดเป็นอะไร ในขั้นโลกียภูมิ (ต้องมีการเวียนว่ายตายเกิด สังสารวัฏ ๓๑ ภูมิ)

1)  อบายภูมิ  ๔ ชั้น : ทำความชั่วไปเกิดเป็นเดรัจฉาน/เปรต/อสุรกาย/นรก

2)  มนุษยภูมิ  ๑ ชั้น : การให้ทาน

3)  เทวภูมิ  ๖ ภูมิ : การให้ทาน/รักษาศีล/การภาวนา

4)  พรหมโลก  ๒๐ ชั้น แบ่งเป็น 

    รูปพรหม ๑๖ ชั้น : สมถะภาวนา ถึงขั้นรูปฌาณ

อรูปพรหม  ๔ ชั้น : สมถะภาวนา ถึงขั้นอรูปฌาณ

10) ทำไมเกิดเป็นนุษย์จึงเป็นชาติสูงสุด?

การได้เกิดเป็นนุษย์ ถือเป็นภพภูมิสูงสุด เพราะตั้งอยู่ในฐานะอันเลิศด้วยคือมีกายสมบัติ 

วจีสมบัติ และมโนสมบัติ เพราะทำให้สามารถปฏิบัติธรรมนำตนเข้าสู่มรรคผลเข้าสู่พระนิพพานได้

โลกุตตรภูมิ (ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด)

11) ต้องปฏิบัติธรรมอย่างไร จึงไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด
จะต้องพิจารณามหาสติปัฏฐาน โดยเฉพาะกายานุปัสสนา

รูปร่างกาย (ขันธ์ ๕) และจิต

มหาสติปัฏฐาน เป็นการพิจารณา กาย เวทนา จิต และธรรม โดยการพิจารณากาย (กายานุปัสสนา) เป็นการพิจารณาที่สำคัญที่สุด เพราะกายหรือรูปร่างกาย หรือขันธ์ ๕ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) เป็นไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) มาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เวลารูปขันธ์ดับ ขันธ์ที่เหลืออีก ๔ ขันธ์ (เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์) ก็ดับตามกลับไปสู่ธาตุเดิมคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ส่วนจิตมาอาศัยรูปร่างกายอยู่เพียงชั่วคราว (เฉพาะในชาตินี้) เมื่อรูปร่างกายดับ จิตวิญญาณก็ไปเกิดใหม่ จะเป็นภพภูมิใดขึ้นอยู่กับกรรมที่สร้างไว้ ตามกฎแห่งกรรม “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”

จิตเป็นอมตะ (เที่ยง) เวียนว่ายตายเกิด หากยังไม่หยุดพ้น หรือยังไม่เข้าสู่พระนิพพาน

13) โลกุตตรภูมิ (ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด) : วิปัสสนาภาวนา ปฏิบัติอย่างไร?

– ใช้หลักวิปัสสนาภาวนา : ขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์

หรือ อายตนะ ๖ เป็นไตรลักษณ์

– พุทธพจน์เกี่ยวกับหลักวิปัสสนาภาวนา (ตามแนบ)

13) โลกุตตรภูมิ :  หยุดการเวียนว่ายตายเกิด

พระอริยบุคคลและการละสังโยชน์ และการปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา ปฏิบัติอย่างไร?

Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
post