พิพิธภัณฑ์จรรโลงพุทธศาสนา

๕๐. พระวังคีสะ


 

ย้อนกลับ ถัดไป

พระวังคีสะ เกิดในตระกูลพราหมณ์ ในพระนครสาวัตถี เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้ศึกษาเล่าเรียน ตามคัมภีร์ในลัทธิของพราหมณ์จนจบไตรเพท และได้เรียนมนต์พิเศษอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกว่าฉวสีสมนต์ เป็นมนต์สำหรับพิสูจน์กะโหลกซากศพแม้ตายแล้วตั้งสามปี สามารถรู้ว่าไปเกิดเป็นอะไรที่ไหน ได้อาศัยมนต์นั้นเป็นเครื่องเลี้ยงชีพ คือ ในชั้นต้นได้แสดงศิลปะนั้นให้ปรากฏโดยความจริงแก่พวกชนในพระนครนั้น พวกพราหมณ์ทั้งหลาย ได้เห็นแล้วคิดกันว่า พวกเราอาศัยวังคีสพราหมณ์นี้ เลี้ยงชีพได้ จึงได้พาเที่ยวไปสู่ชนบทน้อยใหญ่ ประกาศแก่หมู่มนุษย์ทั้งหลายว่า วังคีสพราหมณ์นี้ รู้มนต์ วิเศษ คือ ร่ายมนต์แล้ว เอาเล็บเคาะที่ศีรษะแห่งสัตว์ที่ตายแล้ว ย่อมรู้ได้ว่า ผู้นี้ไปบังเกิดในนรก ผู้นี้ไปบังเกิดในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน ผู้นี้ไปเกิดในเปรตวิสัย ผู้นี้ไปเกิดในเทวโลก พวกมนุษย์ทั้งหลาย ได้ยินประกาศดังนี้ ก็มีความประสงค์อยากจะถามถึงพวกญาติของตนๆ บ้าง จึงให้ทรัพย์ตามกำลังของตน มากบ้างน้อยบ้าง แล้วถามถึงที่เกิดของพวกญาติของตนๆ

พวกพราหมณ์เหล่านั้น พาวังคีสพราหมณ์เที่ยวไปในนิคมชนบทอย่างนี้ แล้วกลับมาถึงพระนครสาวัตถี พักอยู่ใกล้พระเชตวันมหาวิหาร วันหนึ่งในเวลาเช้า พวกพราหมณ์เหล่านั้น พร้อมกันไปสู่พระเชตวันมหาวิหาร พระบรมศาสดาทรงทราบว่า พวกวังคีสพราหมณ์มาสู่ที่เฝ้า พระองค์รับสั่งให้นำกะโหลกคนตายมา ๕ กะโหลก คือ กะโหลกของสัตว์เกิดในนรก กำเนิดสัตว์เดรัจฉาน มนุษยโลก เทวโลก ๔ และกะโหลกพระขีณาสพกะโหลกหนึ่ง ตั้งเรียงไว้โดยลำดับกัน เมื่อวังคีสพราหมณ์เข้ามาเฝ้าแล้ว พระองค์ตรัสถามว่า ฉันได้ทราบว่า ท่านร่ายมนต์แล้วเคาะกะโหลกมนุษย์ที่ตายแล้ว ย่อมรู้ที่เกิดของเขาหรือ? พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้ารู้ พระบรมศาสดาจึงตรัสถาม กะโหลกของสัตว์ ๔ กะโหลก ที่เกิดในที่ทั้งสี่ วังคีสพราหมณ์ก็ทายถูกต้องทั้งหมด พระองค์จึงตรัสให้สาธุการว่าดีละๆ ถูกต้องละ ลำดับนั้น พระองค์จึงตรัสถามกะโหลกที่ ๕ ว่า ผู้นี้ไปเกิดที่ไหน? วังคีสพราหมณ์ร่ายมนต์แล้วเคาะกะโหลก ก็ไม่รู้จักที่เกิดเพราะเป็นกะโหลกพระอรหันต์

ครั้งนั้น วังคีสพราหมณ์จึงกราบทูลขอเรียนมนต์นั้น พระองค์ตรัสว่า คนที่ไม่บวช ฉันให้เรียนไม่ได้ วังคีสพราหมณ์นั้นจึงคิดว่า ถ้าเราเรียนมนต์นี้ได้แล้ว เราจักเป็นใหญ่ในชมพูทวีปทั้งสิ้น ครั้นคิดอย่างนั้นแล้ว จึงส่งพราหมณ์เหล่านั้นไป และสั่งว่าพวกท่านจงรอเราอยู่นั่นแหละ สักสองสามวันเราจักบวชในสำนักของพระบรมศาสดา ครั้นวังคีสพราหมณ์ ได้อุปสมบทแล้ว พระบรมศาสดาทรงประทานกรรมฐานมีอาการสามสิบสองเป็นอารมณ์ ตรัสสั่งให้ท่องบ่นบริกรรมซึ่งมนต์นั้น

ท่านสาธยายมนต์นั้นอยู่อย่างนี้ พวกพราหมณ์ก็คอยมาถามอยู่ ว่าเรียนมนต์ได้แล้วหรือยัง? ท่านตอบว่ารอก่อน กำลังเรียนอยู่ ล่วงไปสองสามวันเท่านั้น ท่านพระวังคีสะได้บรรลุพระอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดาประทับนั่ง ณ ท่ามกลางสงฆ์ ทรงสถาปนาท่านไว้ในตำแหน่งเป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้มีปฏิภาณ (ปฏิภาณวนฺตานํ)





ย้อนกลับ ถัดไป

 

 

 

มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต ธรรมะพีเดีย.คอม