พิพิธภัณฑ์จรรโลงพุทธศาสนา

๔๙. พระรัฏฐปาละ


 

ย้อนกลับ ถัดไป

พระรัฏฐปาละ เป็นบุตรของรัฏฐปาลเศรษฐี ผู้เป็นหัวหน้าในหมู่ชนชาวถุลลโกฏฐิตนิคม แคว้นกุรุ สมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จจาริกไปในแคว้นกุรุ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ บรรลุถึงถุลลโกฏฐิตนิคม ชาวนิคมได้ทราบว่าพระบรมศาสดาเสด็จมา จึงพากันมาเข้าไปเฝ้า พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้เกิดความเลื่อมใสแล้ว รัฏฐปาละเกิดความเลื่อมใสใคร่จะบวชจึงเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดาทูลขอบรรพชา ครั้นได้ทราบว่าพระบรมศาสดา ไม่ทรงบวชกุลบุตร ที่มารดาบิดาไม่อนุญาต รัฏฐปาละก็พูดอ้อนวอนเป็นหลายครั้ง มารดาบิดาไม่ยอม รัฏฐปาละเสียใจ ลงนอนไม่ลุกขึ้นอดอาหารเสียไม่กิน คิดว่าจักตายในที่นี้หรือจักบวชเท่านั้น บิดามารดาของรัฏฐปาละจึงขอให้สหายรัฏฐปาละมาช่วยพูด และสรุปได้ว่า หากรัฏฐปาละบวชแล้ว ขอให้กลับมาเยี่ยมบ้าง เมื่อทราบว่ามารดาบิดาอนุญาตแล้ว ดีใจลุกขึ้นเช็ดตัวแล้วอยู่บริโภคอาหารพอร่างกายมีกำลังไม่กี่วันแล้ว ไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลว่าบิดามารดาอนุญาตแล้ว พระองค์ก็โปรดให้บวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา

ครั้นพระรัฏฐปาละบวชแล้วไม่นาน ประมาณกึ่งเดือน พระบรมศาสดาเสด็จจากถุลลโกฏฐิตนิคม ไปประทับอยู่ที่กรุงสาวัตถี ส่วนพระรัฏฐปาละตามเสด็จไปด้วย ท่านตั้งอยู่ในความไม่ประมาท บำเพ็ญสมณธรรม เจริญวิปัสสนา ได้สำเร็จพระอรหัตผล ถึงที่สุดของพรหมจรรย์แล้ว ถวายบังคมลา ออกจากสาวัตถี เที่ยวจาริกไปถึงถุลลโกฏฐิตนิคม พักอยู่ที่มิคจิรวันพระราชอุทยานของพระเจ้าโกรัพยะ ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินกุรุ

ในเวลาเช้า ท่านเข้าไปบิณฑบาตในนิคมนั้น จนถึงที่ใกล้เรือนของท่าน นางทาสีเห็นท่านแล้วก็จำได้ จึงบอกเนื้อความนั้น ให้แก่มารดาบิดาของท่านทราบ มารดาบิดาของท่านจึงได้นิมนต์ท่านไปฉันในเรือน ในวันรุ่งขึ้น แล้วอ้อนวอนให้ท่านกลับมาครอบครองสมบัติอีก ท่านก็ไม่สมประสงค์ เมื่อท่านรัฏฐปาละฉันเสร็จแล้วก็กล่าวคาถาอนุโมทนาพอเป็นทางให้เกิดสังเวชในร่างกายแล้วจึงกลับมิคจิรวัน

ส่วนพระเจ้าโกรัพยะ เสด็จไปประพาสพระราชอุทยาน ทอดพระเนตรเห็นรัฏฐปาละ ทรงจำได้ เพราะทรงรู้จักแต่เดิมมา เสด็จเข้าไปใกล้ ตรัสปราศรัยและประทับ ณ ราชอาสน์ ตรัสถามว่า รัฏฐปาละผู้เจริญ ความเสื่อมมี ๔ อย่าง ที่คนบางจำพวกต้องประสบเข้าแล้ว จึงออกบวช คือ แก่ชรา, เจ็บ, สิ้นโภคทรัพย์, สิ้นญาติ ความเสื่อม ๔ อย่างนี้ ไม่มีแก่ท่าน ท่านรู้เห็นหรือได้ฟังอย่างไร จึงได้ออกบวช ท่านทูลว่า มหาบพิตร มีอยู่ ธรรมุทเทศ (ธรรมที่แสดงขึ้นเป็นหัวข้อสี่ข้อ) ที่พระบรมศาสดาซึ่งเป็นผู้รู้เห็น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงแสดงขึ้นแล้ว จึงออกบวช คือ

ข้อที่หนึ่ง โลกคือหมู่สัตว์ อันชราเป็นตัวนำเข้าไป ใกล้ความตาย ไม่ยั่งยืน

ข้อที่สอง ว่าโลกคือหมู่สัตว์ไม่มีผู้ป้องกันไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน

ข้อที่สาม ว่าโลกคือหมู่สัตว์ ไม่มีอะไรเป็นของๆ ตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป

ข้อที่สี่ ว่าโลกคือหมู่สัตว์พร่องอยู่เป็นนิตย์ ไม่รู้จักอิ่มเป็นทาสแห่งตัณหา

ครั้นท่านพระรัฏฐปาละทูลเหตุที่ตนออกบวช แก่พระเจ้าโกรัพยะอย่างนี้แล้ว พระมหากษัตริย์ก็ทรงเลื่อมใส ตรัสอนุโมทนาธรรมีกถาแล้วเสด็จกลับไป อาศัยคุณที่ท่านเป็นผู้บวชด้วยศรัทธามาแต่เดิม และกว่าจะบวชได้ ก็แสนยากลำบากนัก พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องว่า เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้บวชด้วยศรัทธา (สทฺธาปพฺพชิตานํ)





ย้อนกลับ ถัดไป

 

 

 

มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต ธรรมะพีเดีย.คอม