พระกุมารกัสสปะ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระกุมารกัสสปเถระ บังเกิดเป็นบุตรของธิดาเศรษฐี ในพระนครราชคฤห์ เดิมชื่อว่า กัสสปะ ภายหลังชนทั้งหลายเรียกว่า กุมารกัสสปะ เพราะเจริญขึ้นด้วยเครื่องบำรุงเลี้ยงอย่างราชกุมาร หรือเพราะพระศาสดาเคยตรัสเรียกเช่นนี้ เพื่อให้แตกต่างจากกัสสปะองค์อื่นๆ มารดาของท่าน มีความปรารถนาอยากจะบวชตั้งแต่แรกรุ่นยังสาว ได้อ้อนวอนขออนุญาตจากบิดาอยู่บ่อยๆ มารดาบิดาไม่ยอมอนุญาต ต่อมานางมีสามี ตั้งครรภ์ขึ้นยังไม่ทันรู้ตัว นางปฏิบัติสามีให้มีความยินดีแล้ว ก็อ้อนวอนขอบรรพชา ครั้นเมื่อสามีอนุญาตแล้ว ได้ไปบวชอยู่ในสำนักของนางภิกษุณี ซึ่งเป็นฝ่ายของพระเทวทัตต์
ภายหลังนางมีครรภ์แก่ปรากฏขึ้น พวกนางภิกษุณีได้เห็น เกิดความรังเกียจ จึงได้นำนางไปหาพระเทวทัตต์ ให้ตัดสินชำระอธิกรณ์ พระเทวทัตต์ตัดสินว่า ภิกษุณีนี้ ไม่เป็นสมณะ ให้สึกเสีย นางได้ฟังคำพระเทวทัตต์แล้ว เกิดความเสียใจจึงพูดว่า พวกท่าน อย่าให้ดิฉันฉิบหายเสียเลย ดิฉันไม่ได้บวชมุ่งหมายพระเทวทัตต์ ขอพวกท่านจงพาดิฉันไปสู่สำนักพระบรมศาสดา ที่พระเชตวันมหาวิหารเถิด พวกนาง ภิกษุณี จึงได้พานางไปสู่สำนักของพระบรมศาสดา กราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบ
พระบรมศาสดาทรงทราบว่า นางภิกษุณี ตั้งครรภ์แต่เมื่อยังไม่บวช แต่เพื่อจะปลดเปลื้องความสงสัยของชนเหล่าอื่น จึงรับสั่งให้พระอุบาลีชำระอธิกรณ์เรื่องนี้ และให้ไปเชิญตระกูลใหญ่ๆ ในพระนครสาวัตถี มีนางวิสาขาและอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นต้น มาพร้อมกันแล้วร่วมกันพิสูจน์ ก็รู้ชัดว่านางมีครรภ์ตั้งแต่ครั้งยังไม่ได้บวช จึงได้ตัดสินในท่ามกลางบริษัท ๔ ว่านางภิกษุณีนี้ ยังมีศีลบริสุทธิ์อยู่ พระบรมศาสดาตรัสอนุโมทนาสาธุการว่า อุบาลีตัดสินอธิกรณ์ถูกต้องแล้ว
เมื่อนางภิกษุณีนั้นมีครรภ์ครบกำหนดแล้ว ก็คลอดบุตรออกมาเป็นชาย เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลทราบได้ทรงรับเอาไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรมและให้นามว่า “กัสสปะ” ทารกนั้น เจริญวัยขึ้นด้วยเครื่องบำรุงเลี้ยงอย่างราชกุมาร ชนทั้งหลายจึงได้เรียกว่า “กุมารกัสสปะ” ต่อมากุมารกัสสปะเกิดความสลดใจเมื่อได้ทราบความเป็นมาตอนเกิดของตน จึงขอพระบรมราชานุญาตออกบวช พระองค์ก็ทรงอนุญาต ได้พาไปบวชในสำนักของพระบรมศาสดา ครั้นเมื่อมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ตามวินัยนิยมแล้ว ได้อุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา อุตส่าห์เรียนเอาพระกรรมฐานในสำนักพระบรมศาสดา เข้าไปสู่ป่า เพียรพยายาม ก็ไม่ได้บรรลุคุณวิเศษ จึงกลับมาเรียนพระกรรมฐานเพิ่มเติม แล้วไปอยู่ที่อันธวันวิหาร ท่านพระกุมารกัสสปะ ได้ฟังปัญหาพยากรณ์ ๑๕ ข้อในสำนักพระบรมศาสดา ในที่สุดแห่งการพยากรณ์ ก็ได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา
ท่านมีความสามารถแสดงธรรมแก่บริษัทสี่ได้อย่างวิจิตรพิสดาร มีข้ออุปมาอุปไมย พร้อมทั้งเหตุผลให้ผู้ฟังเข้าใจง่าย ฉลาดในอุบายสั่งสอนบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อท่านแสดงสูตรประดับด้วยปัญหา ๑๕ ข้อ แก่พระเจ้าปายาสิ จนสามารถทำลายมิจฉาทิฏฐิของพระองค์ได้สำเร็จ อาศัยคุณสมบัติเช่นนี้ ท่านจึงได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในจิตรกถา คือ แสดงธรรมเทศนาได้อย่างวิจิตรในพระศาสนานี้ (จิตฺตกถิกานํ)
|