พระโสณฬิวิสะ เป็นบุตรของอสุภเศรษฐี ในจำปานคร เมื่ออยู่ในครรภ์มารดาจนคลอด พวกชาวเมือง นำเครื่องบรรณาการมาให้แก่เศรษฐีเป็นอันมาก เมื่อคลอดแล้วมีผิวพรรณผุดผ่องงดงาม มารดาบิดาได้ขนานนามว่า “โสณะ” ส่วนโกฬิวิสะ เป็นชื่อแห่งโคตร โสณเศรษฐีบุตรนั้น เป็นคนสุขุมาลชาติ มีโลมาที่ละเอียดอ่อนบังเกิดที่ฝ่าเท้าทั้งสอง ได้รับการบำรุงบำเรอจากมารดาบิดาเป็นอย่างดีเพราะบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ
ครั้นเมื่อพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ ที่เขาคิชฌกูฏ แขวงกรุงราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าแผ่นดินมคธ ใคร่จะขอทอดพระเนตรโลมาที่ฝ่าเท้าของโสณเศรษฐีบุตร จึงรับสั่งให้ไปเฝ้าพระบรมศาสดา โสณเศรษฐีบุตร พร้อมด้วยชาวบ้านประมาณแปดหมื่น ก็เข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดา ตามรับสั่งพระเจ้าพิมพิสาร ได้ฟังเทศนาอนุปุพพิกถาและอริยสัจสี่ ที่พระองค์ตรัสสอนชาวบ้านประมาณแปดหมื่น ก็เกิดความเลื่อมใส ได้แสดงตนเป็นอุบาสกแล้วหลีกไป ส่วนโสณเศรษฐีบุตรเข้าไปกราบทูลแด่พระบรมศาสดาว่า ข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เห็นว่าผู้ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ดุจสังข์ที่ขัดแล้วนั้น ไม่ใช่จะทำได้โดยง่าย ข้าพระพุทธเจ้า อยากจะบวช ขอพระองค์จงโปรดให้ข้าพระพุทธเจ้าบวชเถิด พระบรมศาสดาทรงให้บวชตามประสงค์
ครั้นโสณโกฬิวิสะบวชแล้ว ไปทำ ความเพียรอยู่ที่สีตวัน ทำความเพียรเกินขนาด เดินจงกรมไม่หยุด จนเท้าแตกก็ไม่ได้บรรลุธรรมพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงมาดำริในใจว่า บรรดาสาวกของพระบรมศาสดา ที่ปรารภความเพียรแล้ว เราก็เป็นคนหนึ่ง ถึงอย่างนั้น จิตของเราก็ยังไม่พ้นจากอาสวะทั้งปวงได้ สมบัติในตระกูลของเรายังมีอยู่ ถ้ากระไร เราจะสึกออกไปเสวยสมบัติและบำเพ็ญกุศลจะเป็นการดีกว่า ฝ่ายพระบรมศาสดา ได้ทรงทราบว่า พระโสณโกฬิวิสะปรารภความเพียร เดินจงกรมจนเท้าแตก แล้วคิดเช่นนั้น จึงเสด็จไปถึงที่อยู่แห่งพระโสณโกฬิวิสะ ตรัสสอนให้ปรารภความเพียรแต่พอปานกลาง ไม่ยิ่งนักไม่หย่อนนัก ยกเปรียบเทียบด้วยสายพิณ ๓ สาย ครั้นตรัสสอนแล้วได้กลับไปที่ประทับ
พระโสณโกฬิวิสะ ตั้งอยู่ในโอวาทที่พระบรมศาสดาตรัสสอน ปรารภความเพียรแต่พอประมาณ ไม่ยิ่งนัก ไม่หย่อน นัก เจริญวิปัสสนาไม่ช้าไม่นาน ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล ต่อมาท่านเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดากราบทูลว่า พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุผู้เป็นพระอรหันต์ มีอาสวะสิ้นแล้ว จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่จำจะต้องทำ ได้ทำเสร็จแล้ว มีภาระของหนักอันวางแล้ว มีประโยชน์ของตนได้ถึงแล้ว มีธรรมที่ทำให้ติดอยู่ในภพ หมดสิ้นแล้ว รู้ชอบ จึงพ้นแล้วจากอาสวะ ภิกษุผู้อรหันต์นั้น น้อมเข้าไปแล้วในคุณ ๖ สถาน คือ น้อมไปแล้วในบรรพชา ในที่สงัด ในความสำรวม ไม่เบียดเบียน, ในความไม่ถือมั่น, ในความไม่มีความอยาก และในความไม่หลง
พระบรมศาสดาได้ทรงสดับแล้ว ตรัสสรรเสริญว่า พระโสณโกฬิวิสะ พยากรณ์พระอรหันต์ กล่าวแต่เนื้อความไม่นำตนเข้าไปเทียบ และเพราะท่านได้ปรารภความเพียร ด้วยความอุตสาหะอย่างแรงกล้า แต่ครั้งยังไม่ได้บรรลุพระอรหันต์ ต่อมาภายหลัง พระบรมศาสดามีหมู่ภิกษุแวดล้อม ทรงแสดงธรรมในพระเชตวันวิหาร ทรงสถาปนาพระเถระไว้ในตำแหน่ง เป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้ปรารภความเพียร (อารทฺธวิริยานํ)
|