พระโสณกุฏิกัณณะ พระโสณกุฏิกัณณเถระ เกิดเป็นบุตรของอุบาสิกา ชื่อว่า กาฬี ผู้โสดาบันในกรุงราชคฤห์ เดิมชื่อว่า โสณะ เพราะเหตุว่า ท่านประดับเครื่องประดับที่หูมีค่าถึง โกฏิหนึ่ง จึงได้มีคำว่า กุฏิกัณณะ ตามหลังเป็นโสณกุฏิกัณณะ
เมื่อครั้งพระมหากัจจายนะ อาศัยอยู่ที่เขาชื่อว่าปวัตตะ แขวงเมืองกุรุรฆระ ในอวันตีชนบท มารดาของโสณกุฏิกัณณะได้เป็นอุปัฏฐายิกาของท่าน เมื่อโสณกุฏิกัณณะเจริญวัยแล้วได้ฟังพระธรรมเทศนาของท่านเกิดความเลื่อมใส ได้แสดงตนเป็นอุบาสกและเป็นผู้อุปัฏฐากท่านด้วย
ครั้นต่อมา โสณกุฏิกัณณะมีความปรารถนาจะบวช จึงเข้าไปหาท่านพระมหากัจจายนะ บอกความประสงค์ของตนให้ท่าน ทราบ ท่านได้ชี้แจงแก่โสณอุบาสก ถึงการประพฤติพรหมจรรย์ว่าลำบากอย่างไร แนะนำให้บำเพ็ญศาสนปฏิบัติในทางฆราวาส แต่โสณอุบาสก มีศรัทธาแรงกล้า ถึงแม้จะทราบว่าลำบากอย่างไร ก็ยังปรารถนาเพื่อจะบวชอยู่ จึงได้อ้อนวอนขอให้ท่านสงเคราะห์อยู่เนืองๆ ในที่สุดพระมหากัจจายนะ ก็ให้บวชเป็นสามเณรเท่านั้น เพราะในอวันตีชนบทมีภิกษุน้อย จะหาสงฆ์มีจำนวน ๑๐ รูป (ที่เรียกว่าทสวรรค) ให้อุปสมบทได้ยาก โดยล่วงไป ๓ ปี โสณกุฏิกัณณะจึงได้อุปสมบท
เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ก็ศึกษาเล่าเรียนกรรมฐาน ในสำนักอุปัชฌาย์ ท่านไม่ประมาท อุตส่าห์บำเพ็ญเพียรวิปัสสนากรรมฐาน ไม่นานก็ได้สำเร็จพระอรหัตตผล เป็นพระอเสขบุคคลในพระพุทธศาสนา เพราะยังไม่เคยเห็นพระศาสดา พระมหากัจจายนะอนุญาตให้ไปถวายบังคมพระศาสดาด้วยเศียรเกล้า และให้กราบทูลถึงการปฏิบัติพระวินัยบางอย่าง อันไม่สะดวกแก่ภิกษุผู้อยู่ในชนบทนั้น มีการอุปสมบทเป็นต้น เพื่อจะได้รับพระพุทธานุญาตจากพระบรมศาสดา
ในเวลาราตรีจวนจะสว่าง พระบรมศาสดาทรงรับสั่งให้ท่านถวายพระธรรมเทศนา ท่านได้แสดงพระสูตร อันแสดงวัตถุ ๘ ประการ ด้วยวาจาที่ไพเราะ พระองค์ทรงสดับแล้วตรัสสาธุการชมเชยว่า ดีละๆ “ภิกษุ ธรรมเธอเรียนไว้ดีแล้ว เทศนาในเวลาที่เราแสดงแล้วก็ดี ในวันนี้ก็ดี เป็นอย่างเดียวกันเทียว ไม่ขาด ไม่เกินเลย” ฝ่ายพระเถระ เห็นเป็นโอกาสดี แล้วถวายบังคมพระศาสดา ตามคำขอของพระอุปัชฌาย์ ทูลขอพรทุกอย่าง ตั้งแต่การอุปสมบทด้วยคณะครบ ๕ และพระศาสดาทรงประทานให้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่า เป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้มีวาจาไพเราะ (กลฺยาณวากฺกรณานํ)
|