พิพิธภัณฑ์จรรโลงพุทธศาสนา

๓๔. พระขทิรวนิยะ


 

ย้อนกลับ ถัดไป

พระขทิรวนิยะ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระเรวัตตเถระ ท่านมาบังเกิดเป็นบุตรของวังคันตพราหมณ์ มารดาชื่อนางสารีพราหมณี ในตำบลบ้านชื่อว่านาลันทะเป็นบุตรสุดท้อง และเป็นน้องชายของท่านพระสารีบุตรเดิมชื่อว่า เรวตมาณพ เมื่อบวชเข้ามาในพระธรรมวินัยแล้ว ท่านได้พำนักอาศัยอยู่ในป่าไม้ตะเคียน ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงได้นามของป่านั้นนำหน้าชื่อว่า “ขทิรวนิยเรวัตตะ”

ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อเรวตมาณพเจริญวัยมีอายุประมาณ ๘ ปี มารดาบิดาจึงปรึกษากันว่า บุตรของเราบวชหมดแล้ว ยังเหลืออยู่แต่เรวตะคนเดียว ถ้าบวชเสียก็จะไม่มีใครสืบวงศ์ตระกูล เราควรจะผูกพันเจ้าเรวตะบุตรของเราไว้ ด้วยอันให้มีเหย้าเรือน เสียแต่ยังเด็กยังหนุ่มอยู่ อย่าให้พระสมณศากยบุตรพาไปบวชเสียอีกเลย ครั้นปรึกษากันดังนั้นแล้ว จึงพาไปขอหมั้นนางกุมาริกาผู้มีชาติตระกูลเสมอกัน และได้กำหนดวันอาวาหมงคล (ฝ่ายหญิงไปอยู่บ้านฝ่ายชาย) ด้วย ครั้นถึงวันกำหนด จึงประดับตกแต่งเรวตมาณพ พาไปสู่เรือนของนางกุมาริกาพร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก ในขณะเมื่อทำการมงคล เรวตมาณพได้ยินญาติทั้งของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวอวยพรในเวลารดน้ำว่า ขอให้มีอายุยืนเหมือนยายเถิด จึงเกิดความสงสัยขอดูตัวยาย ก็พบว่ายายเป็นคนชรา มีอายุ ๑๒๐ ชราภาพมาก เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะอยู่ครองเรือน เพราะมองเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร

เมื่อเสร็จจากการมงคลแล้ว ขณะพากันจัดแจงกลับบ้าน เรวตมาณพกับนางกุมาริกา นั่งมาในรถคันเดียวกัน เมื่อมาในระหว่างทาง เรวตมาณพหา อุบายหลีกเลี่ยงหนีไปเสีย เข้ามาหาภิกษุผู้อยู่ในป่าประมาณ ๑๙ รูป ซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น แล้วขอบรรพชา ภิกษุเหล่านั้นทราบว่า เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระก็ให้บรรพชา โดยไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากมารดา เพราะท่านพระสารีบุตรได้สั่งภิกษุทั้งหลายไว้ว่า ถ้าเรวตะน้องชายของผม เข้ามาขอบวช ในสำนักของพวกท่าน ท่านทั้งหลายจงบวชให้เธอด้วยไม่ต้องขอรับอนุญาตจากมารดาบิดา เพราะมารดาบิดาของผมเป็นมิจฉาทิฐิ

ครั้นพวกภิกษุเหล่านั้นให้ เรวตะบวชเป็นสามเณรแล้ว ส่งข่าวไปให้พระสารีบุตรทราบ ท่านมีความประสงค์จะมาเยี่ยมจึงได้ทูลลาพระบรมศาสดาถึงสองครั้ง พระองค์ตรัสห้ามเสียทั้งสองครั้งจึงได้รีรออยู่

พระเรวตะนั้น เมื่อบวชแล้วคิดว่า ถ้าเราจักอยู่ที่นี่ พวกญาติจักติดตามมาพบเรา จึงเรียนเอากรรมฐานในสำนักของภิกษุเหล่านั้น แล้วถือเอาบาตรและจีวรเที่ยวจาริกไปถึงป่าไม้ตะเคียน ระยะไกลประมาณ ๓๐ โยชน์ ได้พำนักอาศัยอยู่ ณ ที่นั้น อุตส่าห์เจริญสมณธรรม บำเพ็ญเพียรในวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ช้าไม่นานก็ได้สำเร็จพระอรหัตผลในภายในพรรษานั้น

ท่านพระเรวัตตะ ชอบพำนักอาศัยอยู่ในป่าไม้ตะเคียน ที่ขรุขระด้วยก้อนกวดและก้อนหิน บนที่ดอนนั้น เพราะเหตุนั้น พระบรมศาสดาจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้อยู่ในป่า (อารญฺญกานํ)





ย้อนกลับ ถัดไป

 

 

 

มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต ธรรมะพีเดีย.คอม