พระนันทะ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระนันทเถระ มาบังเกิดเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ กับพระนางมหาปชาบดีโคตมี ผู้ครองกบิลพัสดุ์นคร บรรดาประยูรญาติถวายพระนามว่า “นันทกุมาร” เมื่อพระบรมศาสดาได้ตรัสรู้แล้วเสด็จมายังกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดพระราชบิดาและพระนางมหาปชาบดีโคตมีพระน้านาง ประกาศธรรมให้ได้ความเชื่อ ความเลื่อมใส พระศาสดาได้ชักชวนนันทกุมารให้บวชเป็นภิกษุ แม้ไม่สมัครใจจะบวชแต่ไม่อาจขัด เพราะมีความเคารพในพระบรมศาสดามาก จึงทูลยอมรับด้วยความฝืนใจว่าจะบวช
ครั้นบวชแล้วก็หวนระลึกถึงแต่คำที่นางชนบทกัลยาณีที่ร้องสั่งไว้อยู่เสมอ มีความกระสันกระวนกระวาย ในอันที่จะประพฤติพรหมจรรย์ต่อไป คิดจะสึกออกมา พระบรมศาสดาทรงทราบเรื่อง จึงพาเที่ยวจาริกไปสู่เทวโลก ให้ได้เห็นนางเทพธิดาที่มีรูปสวยงามกว่านางชนบทกัลยาณีนั้น ให้พระนันทะละความรักรูปนางชนบทกัลยาณีเสีย มุ่งหมายอยากจะได้รูปหญิงที่สวยๆ งามๆ ยิ่งกว่านั้น
จนผลที่สุดพระบรมศาสดาต้องเป็นผู้รับประกันว่า ถ้าพระนันทะตั้งใจจะประพฤติพรหมจรรย์แล้ว พระองค์ทรงรับรองที่จะหา หญิงที่สวยๆ งามๆ ให้ ต่อแต่นั้น พระนันทะก็ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์เพื่ออยากได้หญิงที่รูปสวยๆ งามๆ จนข้อความนั้นแผ่กระจายไปทั่ว หมู่ภิกษุพากันล้อท่าน ท่านพระนันทะเกิดความละอาย คิดว่า “ภิกษุพวกนี้ ไม่พูดถึงผู้อื่น พูดปรารภถึงเรา การกระทำของเราไม่ถูกต้องแน่แล้ว” หลีกไปอยู่แต่ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท บำเพ็ญเพียรเจริญวิปัสสนา ก็ได้บรรลุพระอรหันต์
เมื่อท่านพระนันทะได้บรรลุพระอรหัตต์แล้ว ปรากฏว่าท่านเป็นผู้สำรวมระวังอินทรีย์ ด้วยเหตุนี้ ต่อมาภายหลังพระศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงสถาปนาพระนันทเถระไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นยอดกว่าเหล่าภิกษุสาวก ผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย (อินฺทริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ)
|