พระโธตกะ ท่านพระโธตกเถระ เกิดในสกุลพราหมณ์ ในกรุงสาวัตถี เมื่อมีอายุสมควรที่จะเล่าเรียนได้แล้ว ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพราหมณ์พาวรีผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลเพื่อศึกษาศิลปวิทยา ครั้นต่อมาพราหมณ์พาวรี มีความเบื่อหน่ายในฆราวาสวิสัย ได้ทูลลาพระเจ้าปเสนทิโกศล ออกจากตำแหน่งปุโรหิต เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงออกบวชเป็นชฎิลประพฤติพรตตามลัทธิของพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี เป็นอาจารย์ใหญ่บอกไตรเพทในหมู่ศิษย์
โธตกมาณพ ได้ออกบวชติดตามไปศึกษาศิลปวิทยาอยู่ด้วย และอยู่ในมาณพ ๑๖ คน ที่พราหมณ์พาวรี ผูกปัญหาให้ไปทูลถาม ท่านได้ทูลขอโอกาสถามปัญหาเป็นคนที่ห้าว่า ขอจงตรัสบอกแก่ข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าอยากจะฟังพระวาจาของพระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังสุรเสียงของพระองค์แล้วจะศึกษาข้อปฏิบัติซึ่งเป็นเครื่องดับกิเลสของตน พระบรมศาสดา ทรงตอบว่า ถ้าอย่างนั้นท่านจงเป็นคนมีปัญญา มีสติทำความเพียรในศาสนานี้เถิด โธตกะกล่าวว่า ได้เห็นพระองค์ผู้เป็นพราหมณ์ หากังวลมิได้ เที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก เหตุนี้ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายบังคมพระองค์ขอพระองค์จงเปลื้องข้าพระพุทธเจ้าเสียจากความสงสัยเถิด พระพุทธเจ้าตอบว่า เราเปลื้องใครๆ ในโลก ผู้ยังมีความสงสัยอยู่ไม่ได้ เมื่อท่านรู้ธรรมอันประเสริฐ ก็จะข้ามห้วงทะเลใหญ่คือกิเลสอันนี้เสียได้เอง โธตกะถามต่อว่า ถ้าพระองค์จะทรงพระกรุณา ก็ควรแสดงธรรมอันทำให้กิเลสดับ ที่ข้าพระพุทธเจ้าควรจะรู้ สั่งสอนข้าพระพุทธเจ้า ให้เป็นคนโปร่ง ไม่ขัดข้อง ดุจอาการตอนกิเลสดับเสียได้ ไม่อาศัยสิ่งหนึ่งสิ่งใด เที่ยวอยู่ในโลกนี้ พระพุทธเจ้าตอบว่า เราจักบอกอุบายดับกิเลส ซึ่งจะเห็นได้เอง ไม่ต้องเชื่อตามข่าว ที่บุคคลได้ทราบแล้วจักมีสติข้ามพ้นความอยากที่ตรึงใจไว้ ในโลกเสียได้แก่ท่าน
โธตกะชอบใจอุบายดับกิเลส อันสูงสุดนั้นเป็นอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า ถ้าท่านรู้ว่า ความทะยานอยาก ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ ท่ามกลาง เป็นเหตุให้ติดข้องอยู่ในโลก ท่านอย่าทำความทะยานอยากเพื่อจะเกิดในภพน้อยใหญ่
ในที่สุดแห่งถามตอบปัญหา โธตกมาณพ ส่งใจไปตามธรรมเทศนา จิตก็หลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทาน บรรลุเป็นพระอรหันต์ เมื่อการถามตอบปัญหาเสร็จแล้ว โธตกมาณพ พร้อมด้วยมาณพอีก ๑๕ คน ขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
|