พิพิธภัณฑ์จรรโลงพุทธศาสนา

๖๕. พระอชิตะ


 

ย้อนกลับ ถัดไป

พระอชิตะ เกิดในตระกูลพราหมณ์กรุงสาวัตถี เดิมชื่อว่าอชิตมาณพ เมื่อมีอายุสมควรแก่การเล่าเรียนแล้ว มารดาบิดาได้นำไปฝากให้เป็นศิษย์ เล่าเรียนศิลปะในสำนักของพราหมณ์พาวรีผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล ครั้นเมื่อพราหมณ์พาวรี คิดเบื่อหน่ายในฆราวาสวิสัย จึงได้ถวายบังคมลาพระเจ้าปเสนทิโกศลออกจากหน้าที่ปุโรหิต ออกบวชเป็นชฎิลประพฤติพรตตามลัทธิของพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี ที่พรมแดนแห่งเมืองอัสสกะและอาฬกะต่อกัน เป็นอาจารย์ใหญ่บอกไตรเพทแก่หมู่ศิษย์ อชิตมาณพพร้อมกับมาณพอื่น ได้ออกบวชติดตามด้วย และอยู่ศึกษาศิลปวิทยา ในสำนักของพราหมณ์พาวรีนั้น ครั้นต่อมา พราหมณ์พาวรีได้ทราบข่าวว่า พระสิทธัตถราชกุมาร ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าศากยะ ทรงผนวชเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ แสดงธรรมสั่งสอนประชาชน มีคนเลื่อมใส ยอมเป็นสาวกปฏิบัติตามคำสั่งสอนเป็นจำนวนมาก พราหมณ์พาวรี ประสงค์จะสืบสวนให้ได้ความจริง จึงเรียกมาณพผู้เป็นศิษย์สิบหกคน มีอชิตมาณพเป็นหัวหน้า ผูกปัญหาให้คนละหมวดๆ ให้ไปกราบทูลลองถามดู แล้วพากันไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่ปาสาณเจดีย์ แคว้นมคธ กราบทูลขอโอกาสถามปัญหาคนละหมวดๆ

อชิตมาณพผู้เป็นหัวหน้า จึงกราบทูลถามปัญหาทีแรก ๔ ข้อว่า โลก คือหมู่สัตว์ อันอะไรปิดบังไว้ จึงหลงดุจอยู่ในความมืด เพราะอะไรเป็นเหตุ จึงไม่มีปัญญาเห็นปรากฏ อะไรเป็นเครื่องฉาบไล้สัตว์โลกนั้นให้ติดอยู่ อะไรเป็นภัยใหญ่ของสัตว์โลกนั้น

พระบรมศาสดาทรงเฉลยว่า โลก คือหมู่สัตว์ อันอวิชชา คือ ความไม่รู้แจ้ง ปิดบังไว้ จึงหลง ดุจอยู่ในที่มืด เพราะความอยากมีประการต่าง และความประมาทเลินเล่อ จึงไม่มีปัญญาเห็นปรากฏ เรากล่าวว่า ความอยากเป็นเครื่องฉาบไล้สัตว์โลกให้ติดอยู่ และเรากล่าวว่า ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของสัตว์โลกนั้น อชิตมาณพถามต่อว่า อะไรเป็นเครื่องห้าม เครื่องปิดกั้นความอยาก ซึ่งเป็นดุจกระแสน้ำหลั่งไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง ความอยากนั้น จะละได้เพราะธรรมอะไร? พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า สติเป็นเครื่องห้ามเป็นเครื่องป้องกันความอยาก และความอยากนั้นจะละได้เพราะปัญญา อชิตมาณพถามต่อว่า ปัญญา สติ กับนามรูปนั้น จะดับไป ณ ที่ไหน พระพุทธเจ้าตอบว่า จะแก้ปัญหาที่ท่านถามถึงที่ดับของนามรูปทั้งหมด ไม่มีเหลือแก่ท่าน เพราะวิญญาณดับไปก่อน นามรูปจึงดับไป ณ ที่นั้นเอง อชิตมาณพถามอีกว่า เมื่อได้บรรลุมรรคผลแล้ว และชนผู้ยังต้องศึกษาอยู่ สองพวกนี้ มีอยู่ในโลกเป็นอันมาก พระพุทธเจ้าตอบว่า เมื่อได้เห็นธรรมแล้ว และชนผู้ต้องศึกษาอยู่ ต้องเป็นคนไม่กำหนัดในกามทั้งหลาย มีใจไม่ขุ่นมัวฉลาดในธรรมทั้งปวง มีสติอยู่ทุกอิริยาบถ

ครั้นสมเด็จพระบรมศาสดา ทรงพยากรณ์ปัญหาที่อชิตมาณพกราบทูลถามอย่างนี้แล้ว ในที่สุดการแก้ปัญหา อชิตมาณพก็ได้สำเร็จพระอรหัตผล เมื่อจบโสฬสปัญหาพยากรณ์แล้ว อชิตมาณพพร้อมด้วยมาณพ ๕๐ คน กราบทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุ ด้วยวิธีเอหุภิกขุอุปสัมปทา





ย้อนกลับ ถัดไป

 

 

 

มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต ธรรมะพีเดีย.คอม