พิพิธภัณฑ์จรรโลงพุทธศาสนา

๕๔. พระเมฆิยะ


 

ย้อนกลับ ถัดไป

พระเมฆิยะ หาหลักฐานในด้านชาติภูมิยังไม่พบ มีหลักฐานแต่ในช่วงที่ท่านได้อุปสมบทแล้ว ซึ่งท่านได้เคยเป็นผู้อุปัฏฐากพระบรมศาสดาองค์หนึ่ง ซึ่งมีในเรื่องอุทานมีความว่า ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ จาลิกบรรพต ในกรุงจาลิกา ที่ท่านพระเมฆิยะเป็นอุปัฏฐาก วันหนึ่ง ท่านพระเมฆิยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลลาพระองค์ เข้าไปบิณฑบาตในชันตุคาม เมื่อได้รับพระพุทธานุญาตแล้ว เวลารุ่งเช้าได้เข้าไปบิณฑบาตในบ้านนั้น เมื่อเวลากลับจากบิณฑบาต เดินมาตามริมฝั่งแม่น้ำกิมิกาฬา ได้เห็นสวนมะม่วง มีอากาศร่มเย็น เป็นที่น่ารื่นรมย์ใจ ใคร่จะกลับมาทำความเพียร ที่สวนนั้น ครั้นกลับมาแล้ว จึงเข้าไปกราบทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ตรัสห้ามว่า ดูก่อนเมฆิยะ เธอจงรอก่อน ดังนี้ถึง ๓ ครั้ง ท่านพระเมฆิยะไม่เชื่อพัง กราบทูลลาแล้วลุกขึ้นจากอาสนะ ถวายบังคมพระองค์ แล้วหลีกไปบำเพ็ญเพียร อยู่ในสวนมะม่วงนั้น แต่หาได้สำเร็จมรรคผล อันใดสมตามความประสงค์ไม่ เพราะถูกวิตกสาม (กามวิตก, พยาบาทวิตก, วิหิงสาวิตก) เข้าครอบงำ จึงกลับมาเฝ้ากราบทูลเนื้อความนั้นให้พระองค์ทรงทราบ

พระองค์จึงตรัสสอนวิธีระงับวิตกสามประการนั้น โดยชั้นต้นตรัสสอนให้ตั้งอยู่ในธรรม ๕ ประการ คือ

๑. เป็นผู้มีกัลยาณมิตร

๒. เป็นผู้มีศีล สำรวมในพระปาฏิโมกข์

๓. เป็นผู้พูดวาจาเป็นสุภาษิต (วาจาที่ขัดเกลา คือพูดแล้วไม่นำมาซึ่งโทษ มีแต่จะนำมาซึ่งประโยชน์โดยส่วนเดียว)

๔. เป็นผู้มีความเพียรบากบั่น

๕. เป็นผู้มีปัญญา

และตรัสให้เจริญธรรมอีก ๔ อย่าง คือ อสุภะ เพื่อจะได้ละซึ่งราคะ, เมตตา เพื่อจะได้ละพยาบาท, อานาปานสติ เพื่อจะได้ตัดเสียซึ่งวิตกและอนิจจสัญญา เพื่อจะได้ถอนขึ้นเสียซึ่งอัสมิมานะ ท่านพระเมฆิยะ ตั้งอยู่ในโอวาทที่พระบรมศาสดาทรงตรัสสั่งสอน ไม่ประมาท อุตส่าห์บำเพ็ญเพียร ก็ได้สำเร็จพระอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคล นับเข้าในพระสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่ง





ย้อนกลับ ถัดไป

 

 

 

มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต ธรรมะพีเดีย.คอม