พิพิธภัณฑ์จรรโลงพุทธศาสนา

๓๐. พระสีวลี


 

ย้อนกลับ ถัดไป

พระสีวลี ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระสีวลีเถระบังเกิดเป็นโอรสของพระนางสุปปวาสา ผู้เป็นพระราชธิดาของพระเจ้ากรุงโกลิยะ จำเดิมแต่พระราชโอรส มาถือปฏิสนธิในครรภ์พระมารดา ทำพระมารดาให้สมบูรณ์ด้วยลาภสักการะเป็นอันมาก แต่อยู่ในครรภ์พระมารดาถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน (เพราะบุรพกรรมในอดีตชาติ เคยปฏิบัติตามคำแนะนำของมารดา โดยให้กองทัพปิดล้อมเมืองหนึ่ง ทำให้ประชาชนเมืองนั้นเดือดร้อนอดอยาก) จึงประสูติ

เวลาประสูติก็ประสูติง่ายที่สุด เปรียบดั่งน้ำไหลออกจากหม้อ ด้วยอำนาจแห่งพุทธานุภาพ พระนางสุปปวาสาก็ได้ประสูติพระราชบุตร พร้อมกับขณะที่พระศาสดาตรัสพระราชทานพร เมื่อประสูติแล้วพระญาติได้ขนานพระนามว่า “สีวลีกุมาร” เพราะระงับจิตที่เร่าร้อนของพระประยูรญาติทั้งหมด

ส่วนพระนางสุปปาวาสานึกถึงเหตุการณ์ ที่เป็นมาแล้ว มีความปรารถนาจะถวายมหาทานสัก ๗ วัน จึงให้พระสวามีไปอาราธนานิมนต์พระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพื่อรับภัตตาหารใน บ้าน ๗ วัน พระราชสวามีก็ไปตามความประสงค์ของนาง แล้วได้ถวายมหาทานตลอด ๗ วัน (สีวลีกุมารนั้น นับตั้งแต่วันที่ประสูติ ได้ถือธมกรกกรองน้ำถวาย พระตลอด ๗ วัน) เมื่อสีวลีกุมารเจริญวัยขึ้นแล้ว ได้ออกผนวชในสำนักของท่านพระสารีบุตร ได้บรรลุผลสมตามความปรารถนา คือ ได้บรรลุพระอรหัตผล เป็นพระอเสขบุคคลในพระพุทธศาสนา

นัยว่า ท่านได้บรรลุมรรคผลตั้งแต่เมื่อเวลาปลงผม คือ เมื่อเวลามีดโกนจรดลงศีรษะครั้งที่หนึ่งได้บรรรลุโสดาปัตติผล ครั้งที่สองได้บรรลุสกทาคามี ครั้งที่สามได้บรรลุอนาคามิผล ปลงผมเสร็จก็ได้บรรลุพระอรหัตผล ตั้งต้นแต่นั้นมา ท่านเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยปัจจัยสี่ (เพราะอานิสงส์ที่เคยถวายน้ำผึ้งและเนยแข็ง แด่พระวิปัสสีพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย) ภิกษุทั้งหลายก็พลอยไม่ขัดข้องด้วยปัจจัยลาภเพราะอาศัยท่าน เพราะเหตุนั้น พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องว่า เว้นพระตถาคต พระสีวลีเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายข้างผู้มีลาภมาก (ลาภีนํ ยทิทํ สีวลี)





ย้อนกลับ ถัดไป

 

 

 

มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต ธรรมะพีเดีย.คอม