พิพิธภัณฑ์จรรโลงพุทธศาสนา

๑๖. พระมหากัสสปะ


 

ย้อนกลับ ถัดไป

พระมหากัสสปะ เป็นบุตรกปิลพราหมณ์ กัสสปโคตร ในบ้านมหาติฏฐะ แคว้นมคธรัฐ ชื่อเดิมคือ ปิปผลิ เมื่ออายุ ๒๐ ปี ได้ทำการอาวหมงคล (ฝ่ายหญิงมาอยู่กับฝ่ายชาย) กับนางภัททกาปิลานี ผู้มีอายุได้ ๑๖ ปี เป็นบุตรีพราหมณ์โกสิยโคตร เมื่องสาคละ แคว้นมคธรัฐ โดยคนทั้งสองไม่ได้มีความประสงค์ สักแต่ว่าอยู่ร่วมกันเท่านั้น ไม่ได้ถูกต้องกันเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่มีบุตรหรือธิดา และได้ชักชวนกันออกบวช

นางภัททกาปิลานี เดินไปทางซ้าย จนบรรลุถึงสำนักของนางภิกษุณี ภายหลังได้บวชเป็นนางภิกษุณีและได้บรรลุพระอรหัตผล ส่วนปิปผลิ เดินทางไปพบสมเด็จพระบรมศาสดาซึ่งประทับอยู่ใต้ร่มไทร ระหว่างกรุงราชคฤห์และเมืองนาลันทา ต่อกัน มีความเลื่อมใสเปล่งวาจาประกาศว่า พระศาสดาเป็นพระศาสดาของตน ตนเป็นสาวกของพระศาสดา

พุทธองค์ประทานโอวาท ๓ ข้อ

๑. กัสสปะ ท่านพึง ศึกษาว่า เราจักเข้าไปตั้งความละอายและความเกรงใจ ไว้ในภิกษุที่เป็นผู้เฒ่าและปานกลางอย่างดีที่สุด

๒. เราจักฟังธรรมซึ่งประกอบด้วยกุศล เราจักตั้งใจฟังธรรมนั้น แล้วพิจารณาเนื้อความ

๓. เราจักไม่ละสติที่เป็นไปในกาย คือ พิจารณาเอาร่างกายเป็นอารมณ์

ครั้นประทานโอวาทแก่พระมหากัสสปะอย่างนี้แล้วเสด็จหลีกไป ท่านได้ฟังพุทธโอวาทที่นั้นแล้ว ก็เริ่มบำเพ็ญเพียรในวันที่ ๘ นับจากวันอุปสมบทมาก็ได้สำเร็จ พระอรหัตผล เนื่องจากพระมหากัสสปะถือธุดงค์ ๓ อย่างอันได้แก่

๑. ถือทรงผ้าบังสุกุลจีวรเป็นวัตร

๒. ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร

๓. ถืออยู่ป่าเป็นวัตร

พระบรมศาสดาจึงทรงสถาปนาพระเถระไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นยอดของภิกษุทั้งหลายผู้ถือธุดงค์ และสอนเรื่องธุดงค์ในศาสนาของเรา (ธุตวาทานํ ยทิทํ มหากสฺสโป)

นอกจากนี้ท่านเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการทำสังคายนาครั้งที่หนึ่ง ได้พระอุบาลีเป็นกำลังในการวิสัชนาพระวินัย และพระอานนท์ในการวิสัชนาพระธรรม ได้พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นศาสนูปถัมภก ทำอยู่ ๘ เดือนจึงสำเร็จ เรียกว่า ปฐมสังคายนา

พระมหากัสสปเถระ เมื่อท่านทำสังคายนาเรียบร้อยแล้ว ได้อยู่ที่พระเวฬุวนาราม ในกรุงราชคฤห์ ไม่ประมาท ปฏิบัติธรรมเป็นนิตย์ ดำรงชนมายุสังขารประมาณได้ ๑๒๐ ปี ท่านก็ดับขันธปรินิพพาน ณ ระหว่างกลาง กุกกุฏสัมปาตบรรพตทั้ง ๓ ลูก ในกรุงราชคฤห์





ย้อนกลับ ถัดไป

 

 

 

มูลนิธิธรรมทานกุศลจิต ธรรมะพีเดีย.คอม