พระโปสาละ เกิดในสกุลพราหมณ์ ในนครสาวัตถี เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพราหมณ์พาวรีผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล เพื่อศึกษาศิลปวิทยาตามลัทธิของพราหมณ์ ครั้นพราหมณ์พาวรี มีความเบื่อหน่ายในฆราวาส ทูลลาพระเจ้าปเสนทิโกศลออกจากตำแหน่งปุโรหิต ออกบวชเป็นชฎิล ประพฤติพรตตามลัทธิของพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี เป็นอาจารย์ใหญ่บอกไตรเพทแก่หมู่ศิษย์ โปสาลมาณพ ได้ออกบวชติดตามไปด้วย และอยู่ในมาณพ ๑๖ คน ที่พราหมณ์พาวรีได้ผูกปัญหา ให้ไปกราบทูลถามพระบรมศาสดา ที่ปาสาณเจดีย์ แคว้นมคธ
โปสาลมาณพ ได้ทูลถามปัญหาเป็นคนที่ ๑๔ ว่า ข้าพระพุทธเจ้า ขอทูลถามถึงญาณของบุคคล ผู้มีความกำหนดหมายในรูปแจ้งชัด (คือ ได้บรรลุรูปฌานแล้ว) ละรูปารมณ์ทั้งหมดได้แล้ว (คือบรรลุฌานสูงกว่ารูปฌานขึ้นไปแล้ว) เห็นอยู่ ทั้งภายในภายนอกว่าไม่มีอะไรเลย (คือบรรลุอรูปฌาน ที่เรียกอากิญจัญญายตนะ) บุคคลเช่นนั้น จะควรแนะนำสั่งสอนให้ทำอย่างไรต่อไป พระบรมศาสดาทรงมีดำรัสตอบว่า พระตถาคตรู้ภูมิที่เป็นที่ตั้งแห่งวิญญาณทั้งหมด จึงรู้บุคคลเช่นนั้น แม้ยังคงอยู่ในโลกนี้ ว่ามีอัธยาศัยน้อมในอากิญจัญญายตนภพ มีความเพลิดเพลินยินดีเป็นเครื่องประกอบ ลำดับนั้น ย่อมพิจารณาเห็นสหชาตธรรมในอากิญจัญญายตนฌานนั้นแจ้งชัด โดยลักษณะสามอย่าง (คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน) ข้อนี้ เป็นฌานอันถ่องแท้ของบุคคลเช่นนั้น ผู้มีพรหมจรรย์ได้ประพฤติหมดแล้ว
ในที่สุดแห่งการแก้ปัญหา โปสาลมาณพได้บรรลุพระอรหัตผล เมื่อจบถาม-ตอบโสฬสปัญหา โปสาลมาณพ พร้อมด้วยมาณพ ๑๕ คน ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุ ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
|